เปิดมุมมองผลักดันอาหารไทยเป็น Soft Power ในระดับโลก

ใน Session 1: ส่งออกของดีไทยให้เป็น Soft Power หัวข้อเรื่องอาหารไทยได้เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทย ระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว และนายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร มาร่วมแชร์มุมมอง

เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทย ระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว กล่าวว่า DNA ของอาหารไทยคือมีความแตกต่างและหลากหลายเมื่อเทียบกับอาหารทั่วโลก นั่นได้แก่ รูป รส กลื่น สี เนื้อสัมผัส และอาหารไทยยังมีสตอรี่ ซึ่งอาหารไทยต้องพัฒนาไปให้ทั่วถึง อะไรดีที่อยู่แล้วเก็บไว้ อะไรที่พัฒนาก็ต้องพัฒนาต่อยอดอย่าให้สูญหายไป 

“อาหารไทย เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก เนื่องจากอาหารไทยมีส่วนผสมของสมุนไพรเยอะ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการพัฒนาวัตถุดิบให้ปราศจากสารเคมีตกค้าง เพื่อเป็นใบเบิกทางในการส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป  นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาเชฟไทยที่มีคุณภาพเข้าสู่ครัวโลก และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในการเรียนรู้อาหารไทยให้ทั่วโลกรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นในโลก Metaverse และอาจเทิร์นเป็น NFT ที่มีคุณค่า”

โปรดักส์สินค้าไทยที่มีทุกบ้านอย่าง ซอสศรีราชา หรือน้ำจิ้มไก่ แล้ว น้ำจิ้มซีฟู้ด เป็นของที่น่าจับตามองและเป็นของที่ต้องมีทุกบ้าน ซึ่งลอกเลียนแบบได้ยาก เพราะส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์คือพริกขี้หนู ซึ่งมีในประเทศไทย ถือเป็นส่วนผสมสำคัญที่ทรงพลังในเรื่องของรสชาติ เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับการปลูกด้วยกระบวนการปลอดสารเคมีซึ่งจะเป็นใบเบิกทางที่ดีสู่ต่างประเทศ

เนื้อหาที่น่าสนใจ : 

• SACIT ผสมผสานหัตถกรรมไทยเข้ากับ Soft Power บนพื้นฐานของเศรษฐกิจ BCG

• เปิดนโยบาย 6 พรรค ผลักดัน Soft Power ขุมกำลังสำคัญ ส่งไทยยืนหนึ่งเวทีนานาชาติ

• ปชป. มอง Soft Power ชูเกาหลีเป็นต้นแบบ ถึงเวลาที่รัฐต้องเข้ามาหนุนจริงจัง

ด้านนายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร กล่าวว่า หนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยคือ ไม่ใช่แค่เฉพาะอาหารไทยเท่านั้น แต่เป็นอาหารที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ฯลฯ อย่าง คนดังของญี่ปุ่นมาประเทศไทยแล้วบอกว่าราเมงที่ไทยอร่อย นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวตามมาชิมรสชาติอาหารในประเทศไทย

“อาหารไทย มีอัตลักษณ์สูง รัฐควรประชาสัมพันธ์ในเชิงประวัติศาสตร์ โดยอาศัยสื่อ Global Media เช่น ภาพยนตร์ Netflix, MV หรือภาพยนตร์ต่างประเทศที่มาถ่ายทำในไทย ควรให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน Sustainable Food Industry เนื่องจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2 องศา ส่งผลกับภาคเกษตรกรรมมาก และยังควรให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการซึ่งต้องมีใบอนุญาตมากมาย รวมถึงธุรกิจร้านอาหารยังขาดแรงงานอีกมาก ควรสนับสนุนแรงงานที่เกษียณแล้วหรืออายุ 60 ที่ยังมีกำลังทำงาน ให้ได้มีงานทำ” นายสรเทพ กล่าว