"ประชาธิปัตย์" เปิดนโยบาย "Policy Exhibition" สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ อาสาแก้ไขปัญหา กทม. เท่าเทียม ขอโอกาสกลับบ้าน นำนโยบายสู่การปฏิบัติจริง ย้ำพร้อมทั้งคน ทั้งนโยบาย
พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค , นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. , น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง , พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรค ร่วมกัน เปิดนโยบาย กทม. พร้อมชม "Policy Exhibition" ที่ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์
นายองอาจ กล่าวว่านโยบายของกรุงเทพมหานคร เดินตามนโยบายสร้างเงินสร้างคน สร้างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน จากกระบวนการฟัง คิด ทำ และนำมา จัดทำเป็นนโยบาย ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเห็นความตั้งใจจริงของถ้าประชาธิปัตย์ที่จะมีส่วนสำคัญในการขับให้ปัญหาในกรุงเทพมหานครได้รับการแก้ไข และพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
พร้อมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมทั้งบุคคลและนโยบาย ขอให้ช่วยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์โดยเลือกทั้งคนทั้งพรรคเพื่อนำนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติ และขอให้เชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานคร
นายสุชัชวีร์ กล่าวถึงนโยบายการสร้างคน ว่า 4 ปีที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว และ 4 ปี ที่ผ่านมา กทม. ยังคงมีปัญหา pm2.5 , ยังอยู่ในภาสะ รอจมน้ำทุกวัน , มีความไม่เท่าเทียม ด้านโอกาสเข้าถึงการศึกษา , ขนส่งสาธารณะยังมีปัญหา
ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์อาสา จะแก้ปัญหาประชาชน หมดเวลารอฟ้า รอฝน แต่หากจะรอใครสักคนขอให้รอครของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมให้คำมั่นสัญญา ผลักดันกฎหมายอากาศเพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 ประกาศให้พื้นที่ 16 เขตชั้นในเป็นเขตมลพิษต่ำ ซึ่งในพื้นที่ชั้นในมีโรงเรียนมากกว่า 300 โรงเรียน และ โรงพยาบาลกว่า 40 โรงพยาบาล ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่อลุ่มอล่วย แต่ให้โบนัสกับผู้ที่ช่วยลดฝุ่นพิษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ประชาธิปัตย์ ประกาศทำสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 นำร่อง 16 พื้นที่ กรุงเทพชั้นใน
• ประชาธิปัตย์ เผยปรับระบบราชการ กฎหมาย ใช้นวัตกรรมที่เหมาะกับศักยภาพประเทศ
• ปชป. เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 33 คน 33 เขต ชู “ประชาธิปัตย์ = ประชาชน DEM FOR ALL”
• นโยบาย "เดลต้า เวิร์ค ไทยแลนด์" กรุงเทพต้องไม่จมน้ำ ที่จะแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำขัง น้ำหนุน โดยจะผลักดันให้มีการทำโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนครั้งแรกของกรุงเทพมหานคร , บูรณาการระบบป้องกันน้ำท่วม โดยใช่ดาวเทียม ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้ช่วยแค่กรุงเทพมานคร แต่จะช่วยในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพยาทั้งหมด
• โครงการเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ไม่มีค่าหน่วยกิต พร้อมเริ่มทำทันทีหากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ให้โอกาส ได้ฝึกงานตั้งแต่อายุ 18 ปี ที่จะสามารถผลิตนักศึกษาที่มีงานทำได้ 1 ล้านคนต่อปี ทำให้ กยศ. มีเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นเดือนละ 6,000 บาท และอินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด จะเกิดขึ้นทันที ทั่วประเทศ และ อินเตอร์เน็ต 1 แสนจุดทั่ว กทม.
• พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ เมื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะให้รัฐบาลซื้อตั๋วรถไฟฟ้าล่วงหน้า และนำส่วนต่างจากการลดราคามาให้กับประชาชน
•นโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน รวมถึงนโยบายที่จะให้ประชาชนตรวจสุขภาพฟรี
พร้อมขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์กลับบ้าน ช่วยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคน ทั้งพรรค ส.ส.33 เขต ได้เข้ามาดูแลลูกหลานคน กทม.
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงแนวนโยบายด้านการสร้างชาติ ว่าพพรรคประชาธิปัตย์ยึดนโยบายตาต่อตาฟันต่อฟัน "ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด และทุจริตคือวิกฤติชาติ" ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท ถึง 80% ขณะที่สถานที่บำบัด กลายเป็นสถานที่แลกเครือข่ายกัน
โดยรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง เพิ่มอำนาจ ปปส. ให้โทษ เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับนาเสพติด และเอาผิดทุกคน พัฒนาด้านการบำบัดรักษา ทำให้คสคิดนาเสพติดน้อยลง รวมถึงเรื่องการทุจริต ที่ขณะนี้ประเทศไทยอยู่อันดับ 101 ของโลก
ด้านการทุจริตคอรัปชั่น จากอันดับที่ 60 เมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยพรรคประชาธิปัตย์ จะผลักดันให้โทษสูงสุด คือ โทษประหารชีวิต กับการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ สรรหาคนที่จะมาเป็นตัวแทนองค์กรอิสระ ทีืต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเท่านั้น สามารถตรวจสอบได้ ทั้งกระบวนการยุติธรรม
ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวถึงนโยบายสร้างเงิน โดยเริ่มจากการโชว์กระเป๋ารูปทรงไก่ สีฟ้า ที่ได้ไปเจอกับกลุ่ม ดีไซเนอร์ คนอีสานรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ นำเงินจากต่างชาติเข้าไทย ซึ่งน้องๆกลุ่มนี้ยังคงต้องทำนาในชนบทควบคู่ไปด้วย เพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง
โอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่สำคัญ อย่างหนึ่งคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสินค้าและความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ ซึ่งถือว่าต้นทุนที่สำคัญ เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นเกรด A ขับเคลื่อนการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย ด้วยนโยบายกองทุนไอเดีย 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน เพื่อนำไปพัฒนาทุนมนุษย์ ทำมหาวิทยาลัยทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักศึกษา, ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน , ส่งออกวัฒนธรรมไทยผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง เพื่อผลักดันให้อัตลักษณ์ เหล่านี้ไปถึงสายตาชาวโลก , ดึงนักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถ มาเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษากับผู้ที่อยากลงทุน
นโยบายแต้มต่อ SME 3 แสนบ้านบาท โดยการเพิ่มผลผลิต SME , สรรหาตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ , การเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม ทำให้วลี "รวยกระจุก จนกระจาย" เปลี่ยนเป็น "หยุดจน รวยกระจาย"
นโยบายธนาคารชุมชนหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท ให้ประชาชนมีเงินไปขับเคบื่อน ธุรกิจสร้างรายได้ เพื่อรไม่สร้างเม็ดเงินให้ประเทศต่อไป
น.ส.วทันยา กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์จะช่วยประชาชนในการค้าขาย สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างเงิน สร้างรายได้ และพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร กทม.ทั้ง 33 คน พร้อมแล้วที่จะสร้างการเมืองแห่งโอกาส ให้กับคนไทยด้วยการส่งต่อโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม