svasdssvasds

วิบากกรรม 'แรมโบ้อีสาน' คนเคยกตัญญูทักษิณที่ต้องทิ้งเก้าอี้ สส.

วิบากกรรม 'แรมโบ้อีสาน' คนเคยกตัญญูทักษิณที่ต้องทิ้งเก้าอี้ สส.

"เมื่อรักใครก็ทุ่มกายทุ่มใจเต็มที่" คงเป็นคำนิยามของนักการเมืองเมืองย่าโม 'แรมโบ้อีสาน' จากแกนนำ นปช. เจ้าของบทเพลงกตัญญูทักษิณ มาสู่องครักษ์ลุงตู่ สู่วันที่ลาออกจากพรรคที่ร่วมก่อตั้งและทิ้งเก้าอี้ สส.

"แรมโบ้อีสานไม่ลืมพระคุณท่านคนที่ชื่อทักษิณ"

เนื้อเพลง 'กตัญญูทักษิณ' ที่ขับร้องโดยนายเสกสกล อัตถาวงศ์ (ชื่อเดิม สุภรณ์ อัตถาวงศ์) หรือ 'แรมโบ้อีสาน' ยังคงดังก้องอยู่ในใจคนเสื้อแดง เมื่อครั้งที่เป็นแกนนำ นปช. สายปะ-ฉะ-ดะ ช่วงปี 2551-2553 แม้แรมโบ้อีสานจะเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองมาตั้งแต่ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา พรรคกิจสังคม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พรรคความหวังใหม่ มาจนถึง นายจำลอง ศรีเมือง พรรคพลังธรรม แต่ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา ครั้งแรกในยุคของ นายทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย ปี 2544 และร่วมหัวจมท้ายในฐานะ 'บ้านเลขที่ 111' กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี ก่อนทีจะผันตัวมาเป็นแกนนำ นปช. และกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ปี 2557 กอ่นที่จะแยกตัวมาตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) พร้อมประกาศปกป้องรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 แรมโบ้อีสานถูก คสช. ควบคุมตัวในวันรุ่งขึ้นทันทีเพื่อปรับทัศนคติเป็นเวลา 7 วัน จนได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 29 พฤษภาคม และสาบานหน้ายาโมที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต ทั้งยังกล่าวว่าให้ 'แรมโบ้อีสาน' เป็นตำนานทางการเมืองและจะไมขอใช้ชื่อนี้อีกต่อไป 

4 ปีต่อมา 'แรมโบ้อีสาน' ปรากฎตัวอีกครั้งที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พร้อมกับพวงมาลัยดอกดาวเรือง ช่อดอกไม้ดาวเรือง ธูป เทียน และแผ่นทองคำเปลว นั่งคุกเข่าก้มกราบอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม 3 ครั้ง พร้อมตั้งจิตอธิษฐานและกล่าวถอนคำสาบาน โดยกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่า "ก็เป็นคนโคราช ลูกหลานย่าโมคนหนึ่งเหมือนกัน ในฐานะคนโคราชรักกันก็ต้องช่วยกัน"

ปี 2562 แรมโบ้อีสาน กลับมาในการเมืองอีกครั้ง ด้วยการลงสมัคร สส. ในนามพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดนครราชสีมา แต่แพ้ให้กับ นายพรชัย อำนวยทรัพย์ พรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตาม หลังจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง แรมโบ้อีสาน เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี โดยมีห้องทำงานใหญ่ส่วนตัวอยู่ฝั่ง กพ. ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ข่าวตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างถึงพริกถึงขิง จนถึงขั้นที่ 'นายใหญ่' นายทักษิณ ชินวัตร ออกปากเล่าเรื่องเลี้ยงสุนัขแล้วแว้งกัด หลังมีคนถามถึงการข้ามขั้วของแรมโบ้อีสาน ระหว่างไลฟ์กับกลุ่ม CARE

ปี 2565 แรมโบ้อีสานลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และออกตัวว่าเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเป็นบ้านหลังใหม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อมา โดยเป็นตัวตั้งตัวตีในการเชิญนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคด้วย

นอกจากนี้แรมโบ้อีสานยังมีหน้าที่เฉพาะกิจอีกมากมาย อาทิ ตัวแทนพูดคุยหาแนวทางแก้ไขปัญหากับกลุ่มผู้ชุมนุมจะนะรักษ์ถิ่น (ม็อบจะนะ), แกนนำล่ารายชื่อขับไล่ NGO แอมเนสตี้ฯ (Amnesty International Thailand) เพื่อยื่นหนังสือต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนใบอนุญาตองค์กร, การแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท และม.116 กฎหมายอาญา แก่พรรคไทยสร้างไทยต่อกรณีแคมเปญ #ฟ้องรัฐบาลฆาตกร รวมทั้งเป็นรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล และหัวหน้าชุดดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมาย

ในขณะที่หน้าที่การงานกำลังรุ่งโรจน์ แรมโบ้ก็ต้องเจอกับกรณีดราม่า คลิปเสียงสนทนาระหว่างแรมโบ้กับ จุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ เกี่ยวกับการเรียกรับเงิน 15 ล้านบาทไปใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปราบปรามธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ที่เขาจึงยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเดือนเมษายน 2565 และกลับเข้าพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งหนึ่ง

15 สิงหาคม 2565 แรมโบ้อีสานประกาศลาออกจากพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง ก่อนที่จะไปตั้งพรรคเทิดไท นั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัย โดยย้ำว่า "ศรัทธา พล.อ.ประยุทธ์ เพราะท่านไมมีประวัติดางพร้อยเรื่องทุจริต และมีลมหายใจเพื่อปกป้องสถาบัน" แต่ในเดือนธันวาคม 2565 เขาลาออกจากพรรคเทิดไท และกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอีกครั้ง และถูกแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566 และได้เป็นผู้สมัคร สส. บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค

บุญมีแต่เหมือนกรรมบัง เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ สส. บัญชีรายชื่อเพียง 13 ที่นั่ง แม้นายพีระพันธ์ลาออกจาก สส. แต่ก็ขยับมาไม่ถึงลำดับที่ 15 แถมยังมีกระแสข่าวมาว่า "นายใหญ่ไม่เอา" ทำให้ตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อของพรรคไม่ขยับเสียที แม้ว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ สส. บัญชีรายชื่อลำดับ 2 เปรยว่าอยากลาออกจากการเมืองไปเลี้ยงหลานก็ตาม

จนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ปรากฎข่าวว่า แรมโบ้อีสาน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ประกอบกับนายสุพัฒนพงษ์ ก็ลาออกจากการเป็น สส. ในวันเดียวกัน ส่งผลให้มีการเลื่อนลำดับผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อขึ้นมาเป็น 'แมเลี้ยงติ๊ก' นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ซึ่งอยู่ลำดับที่ 16 ขยับขึ้นมาเป็น สส. บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติแทน ขณะที่ทีมข่าวติดต่อไปหาแรมโบ้อีสาน แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ แม้เขายังคงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธ์ แต่ยังคงไร้เงาของเจ้าตัวในทำเนียบรัฐบาล

related