"ไม่อายตัวเองบ้างหรอ" อัน กวี รยอง (Ahn Gwi Ryeong) ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและโฆษกพรรคประชาธิปไตยเกาหลีใต้ตะโกนใส่หน้าทหาร ขณะที่ปืนกำลังจ่ออยู่ที่ลำตัวเธอ เธอพยายามดึงปืนจากมือของทหาร ก่อนตะโกนไล่ให้พวกเขาไปให้พ้นจากหน้ารัฐสภา
ท่ามกลางความวุ่นวายหลัง ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ด้วยข้ออ้างว่าพรรคฝ่ายค้านเห็นใจประเทศเกาหลีเหนือ หนึ่งในคลิปที่เป็นไวรัลมากที่สุดคือคลิปที่ อัน กวี รยอง สส.ฝ่ายค้านเกาหลีใต้ตะโกนใส่หน้าทหาร ขณะที่กำลังแย่งปืนที่จ่ออยู่ที่ลำตัวของเธอออกจากมือทหาร
“ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน เธอพยายามแย่งปืนจากทหาร ขณะที่ปืนกำลังจ่อมาที่ตัวเธอ แต่เธอกลับไม่ถอยหลังแม้แต่นิดเดียว” หนึ่งในแอคเคาท์ทวิตเตอร์ชื่นชมเธอ
อัน กวี รยอง เคยเป็นอดีตนักข่าวของสถานี KBC และ YTN มาก่อน ก่อนที่ในปี 2022 เธอจะเข้าสู่สนามการเมืองในฐานะทีมของ อี แจ-มยอง หัวหน้าฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเกาหลีใต้ ก่อนได้รับเลือก ในฐานะตัวแทนประชาชนในกรุงโซล
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อันออกมายืนต่อต้านรัฐบาล ภาพจากโซเชียลมีเดียสะท้อนว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อกดดันให้มีการสอบสวนประธานาธิบดียุนและภรรยาในช่วงที่ผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ
เธอย้อนเหตุการณ์วันนั้นให้สำนักข่าวบีบีซี ภาษาเกาหลีใต้ฟังว่า ตอนนั้นเธอเดินทางมาถึงสมัชชาแห่งชาติราวเวลา 23.00 น. เฮลิคอปเตอร์ทหารบินอยู่เหนืออาคาร เธอตัดสินใจปิดไฟห้องทำงานเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แล้วเดินออกไปที่หน้าอาคารหลักร่วมกับประชาชนและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
“ตอนที่ฉันเห็นทหารพร้อมอาวุธ… ฉันรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางความถดถอยทางประวัติศาสตร์” เธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ภาษาเกาหลีใต้
อันยอมรับว่าตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าทหารถูกส่งมาทำไม จุดประสงค์ของกฎอัยการศึกคืออะไร มีกระสุนปืนอยู่ในปืนของทหารหรือไม่ และเธอยอมรับว่าเธอหวาดกลัวกฎอัยการศึก เพราะหากนับตามอายุของเธอ (35 ปี) อันเกิดไม่ทันการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งสุดท้ายของเกาหลีใต้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1979 ในสมัยของ พัก จองฮี อดีตผู้นำเผด็จการ
แต่ตอนที่กองทหารพยายามผลักดันฝูงชนเข้ามา อันคิดว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดพวกเขา
"ฉันคิดว่าฉันโน้มตัวเข้าไป ทำให้ทหารจับแขนฉันแล้วยันเอาไว้ มันเลยดูเหมือนว่าฉันผลักทหาร" อันพูดต่อว่า "แล้วฉันก็คิดได้ว่า ฉันไม่ควรจะจับปืนเอาไว้แบบนี้"
"ฉันไม่ได้คิดหรือคำนวณด้วยเหตุผลอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่า ฉันต้องหยุดสิ่งนี้ให้ได้ ถ้าฉันไม่หยุดมันเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรจะหยุดมันได้แล้ว" อันกล่าว
เมื่อถึงเวลาประมาณ 1.00 น. ที่ประชุมรัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายยกเลิกกฎอัยการศึก ก่อนที่ต่อมาประธานาธิบดียุนจะยอมรับมติสภาฯ และ ครม. ก่อนประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้เพียง 5 ชั่วโมงเศษ อันตัดสินใจหลับตาพักผ่อนในอาคารสมัชชาแห่งชาติ
ภายหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้ามากที่สุดในโลก เธอยอมรับว่าในตอนรุ่งเช้า เธอไม่มั่นใจที่จะออกไปด้านนอกเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานดูห่างไกลเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริง
"อะไรที่คุณเคยมีความสุขกับมันตามปกติ โปรดคิดเกี่ยวกับมันใหม่อีกครั้งเสียเถอะ" เธอกล่าวต่อ
"คนรุ่นเราเกิดและใช้ชีวิตมาโดยไม่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ สิ่งพิมพ์ และการคบหาสมาคม มันเป็นสิ่งที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของคนรุ่นก่อน สิ่งที่เราไม่เห็นคุณค่านั้นไม่เคยได้มาอย่างง่ายดายเลย"
“มันทั้งเป็นเรื่องปวดร้ายและน่าโมโหที่เรื่องแบบนี้ยังคงเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ของเกาหลีใต้” เธอทิ้งท้าย