svasdssvasds

เลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช สะท้อนสภาวะ ปชป. อัสดง ถูกรุมกินโต๊ะ

เลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช สะท้อนสภาวะ ปชป. อัสดง ถูกรุมกินโต๊ะ

การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช สะท้อนสภาวะ ประชาธิปัตย์อัสดงในพื้นที่ภาคใต้ ในอดีตมีคำกล่าว่า ปชป. ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ แต่ปัจจุบันกำลังถูกกินโต๊ะ

SHORT CUT

  • ความนิยมและผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคใต้ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงหลัก  ทำให้ถูกพรรคอื่นๆ รุมกินโต๊ะ
  • ปัญหาภายในพรรคและความแตกแยกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคอ่อนแอลง
  • กระแสความนิยมของพรรคการเมืองใหม่และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์

การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช สะท้อนสภาวะ ประชาธิปัตย์อัสดงในพื้นที่ภาคใต้ ในอดีตมีคำกล่าว่า ปชป. ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ แต่ปัจจุบันกำลังถูกกินโต๊ะ

การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568 ได้กลายเป็นสนามแข่งขันที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นการชิงชัยในพื้นที่ที่เคยเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่คั้งอดีตมีคำกล่าวว่า ส่งเสาไฟลงก็ชนะเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังปรากฏการณ์ที่พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคต่างประกาศส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ทางการเมืองภาคใต้ และความอ่อนแอลงของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นเสาหลักในภูมิภาคนี้

ปัจจัยที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลแข่งขันกันเอง

วัดพลังกันในพรรคร่วมรัฐบาล

การที่พรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช สะท้อนให้เห็นถึงหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ผลประโยชน์และฐานเสียงของแต่ละพรรค แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่แต่ละพรรคย่อมมีเป้าหมายในการขยายฐานเสียงและเพิ่มจำนวน สส. ในสภา การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ที่พรรคอื่นเคยมีฐานเสียง จึงเป็นโอกาสในการแย่งชิงคะแนนนิยมและแสดงศักยภาพของตนเอง
 

ความขัดแย้งในระดับท้องถิ่น

แม้ในภาพรวมจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ในระดับพื้นที่อาจมีความขัดแย้งหรือการแข่งขันกันมาอย่างยาวนานระหว่างนักการเมืองท้องถิ่นของแต่ละพรรค การเลือกตั้งซ่อมจึงเป็นโอกาสในการวัดพลังและล้างแค้นทางการเมืองในระดับภูมิภาค

โอกาสจากความอ่อนแอของคู่แข่งหลัก

การที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าของพื้นที่และมีฐานเสียงมั่นคงในภาคใต้ กลับประสบปัญหาความอ่อนแอลง ทำให้พรรคอื่นๆ มองเห็นโอกาสในการเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ดังกล่าว

การต่อรองทางการเมืองในอนาคต

การได้ที่นั่ง สส. เพิ่มเติม แม้จะเป็นเพียงที่นั่งเดียว ก็อาจส่งผลต่อการต่อรองทางการเมืองและตำแหน่งในรัฐบาลในอนาคตได้

ความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง

พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ย่อมมีความเชื่อมั่นในตัวผู้สมัครและฐานเสียงสนับสนุนของตนเองในพื้นที่นั้นๆ อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทยที่ถือว่ามี สส. เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในภาคใต้ หรือพรรคกล้าธรรมที่มองเห็นโอกาสในการสร้างฐานเสียงใหม่

ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต สส. 9 สมัย ลงสมัคร ขณะที่พรรคกล้าธรรมก็ประกาศจะส่งผู้สมัครเช่นกัน คือนายก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมก่อนถูกใบแดง ก็มีการส่ง นายไสว เลื่องสีนิล สามีของนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.ที่ถูกเพิกถอนสิทธิความเคลื่อนไหวในการหาผู้สมัครใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

ความอ่อนแอของพรรคประชาธิปัตย์และการเสียฐานเสียงในภาคใต้

การที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็น "ดวงอาทิตย์" ของภาคใต้ กลับมาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอและไม่สามารถรักษาฐานเสียงได้ เกิดจากปัจจัยหลายประการที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน

ปัญหาภายในพรรคและความแตกแยก

ความคิดเห็นที่แตกต่างและการแบ่งขั้วภายในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ทำให้พรรคขาดความเป็นเอกภาพ แม้กระทั่งการจัดตัวผู้สมัคร สส. ยังเกิดความขัดแย้งจนวินาทีสุดท้าย

ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่ายังคงใช้วิธีการทำงานและการหาเสียงแบบเดิมๆ เน้นวาทกรรมมากกว่านโยบาย ทำให้ไม่สามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้ ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ (และต่อมาคือพรรคก้าวไกล) สามารถนำเสนอนโยบายที่ถูกใจวัยรุ่นและสร้างกระแสผ่านโซเชียลมีเดีย แม้จะไม่ชนะ สส. เขตในภาคใต้ แต่ก็ได้คะแนนบัญชีรายชื่อสูง

กระแสของพรรคการเมืองระดับชาติและระดับภูมิภาค

การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่มีนโยบายโดนใจกลุ่มเฉพาะ เช่น พรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในพื้นที่ชายแดนใต้ หรือกระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทยในบางพื้นที่ ทำให้ฐานเสียงของประชาธิปัตย์ถูกแบ่งออกไป

ยุทธศาสตร์การแข่งขันของพรรคอื่น

พรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทยมีการวางแผนและทุ่มทรัพยากรในการเลือกตั้งอย่างหนัก โดยเฉพาะการ "แยกกันตี" ในบางเขต เพื่อแย่งชิงที่นั่งจากประชาธิปัตย์

ผลกระทบจากจุดยืนทางการเมืองในอดีต

การตัดสินใจทางการเมืองบางอย่างของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น การไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายกลับเข้าร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มผู้สนับสนุนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่สนับสนุน คสช. และมองว่ามีเพียง พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นที่จะต่อต้านเครือข่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้

ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น

ความไม่พอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นราคาสินค้าเกษตร เช่น ราคายางพารา อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

การขาดการปรับตัวและพัฒนาพรรค

มีการวิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยกำหนดจุดยืนในกรอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน มุ่งเน้นการได้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ทำให้ความนิยมเสื่อมลง พรรคไม่สามารถปรับนโยบายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และยังยึดติดกับผลประโยชน์ของคนในพรรคมากเกินไป

ผลสำรวจความคิดเห็น

นิด้าโพลเคยเผยผลสำรวจว่า สาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่เป็นเพราะประชาชนเบื่อหรือไม่ชอบวิธีการดำเนินงานทางการเมืองของพรรค

ผลจากการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส. เพียง 17 คน คิดเป็น 28.33% ลดลงจากปี 2562 ที่ได้ 22 คน (44%) และเคยได้มากถึง 85-95% ในอดีต ที่สำคัญคือไม่มีจังหวัดใดเลยที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส. ยกจังหวัด ในขณะที่พรรคใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติกลับได้รับความนิยมและได้ สส. ในภาคใต้ถึง 14 คน

การเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันเพื่อชิงเก้าอี้ในสภาเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเมืองในภาคใต้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลต่างลงแข่งขันกันเอง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายฐานเสียงและอิทธิพลของแต่ละพรรค ท่ามกลางสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าของพื้นที่ ประสบปัญหาความอ่อนแอและสูญเสียฐานเสียงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยภายในพรรค การไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและคนรุ่นใหม่ รวมถึงการแข่งขันที่เข้มข้นจากพรรคอื่นๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถรักษาฐานเสียงที่เคยแข็งแกร่งในภาคใต้ไว้ได้ การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญอีกครั้งหนึ่งว่า

พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถกอบกู้ศรัทธาและกลับมายืนหยัดในฐานะพรรคการเมืองหลักของภาคใต้ได้หรือไม่ หรือจะถูกพรรคอื่นๆ "รุมกินโต๊ะ" และลดบทบาทลงไปอีกในอนาคต

อ้างอิง

อับดุลสุโก ดินอะ / หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว1 / มุกดา สุวรรณชาติ / นิด้า / การเมือง / ปชป.  อัสดง / ปชป. / ThaiPublica / Thai /

related