SHORT CUT
"สถานบันเทิงครบวงจร" เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่! ไม่ใช่แค่กาสิโน รัฐบาลเตรียมล็อกจำนวนชัดในกฎหมาย สกัดข้อครหาการเมือง ยึดโมเดลสิงคโปร์
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามนโยบายของรัฐบาล ว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันกฎหมาย รองรับธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และจะทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งฝ่ายต่าง ๆ ให้เห็นถึงเป้าหมายที่แท้จริง
ทั้งนี้ ยอมรับว่า การผลักดันสถานบันเทิงครบวงจรนั้น รัฐบาลไม่ได้เน้นเรื่องของกาสิโน แต่เป็นการสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะทำให้เกิดการลงทุนในหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประเทศในระยะยาว ทั้งการมีสนามกีฬามาตรฐานขนาดใหญ่ อินดอร์สเตเดี้ยม พิพิธภัณฑ์ สวนสนุกระดับโลก รวมทั้งพื้นที่จัดงานแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงโชว์ระดับโลก เหมือนในต่างประเทศ
นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า การเดินหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร นั้น ล่าสุด รัฐบาลวางแผนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในวาระที่ 1 ซึ่งจะมีการปรับปรุงร่างกฎหมายหลังจากที่รับฟังความคิดเห็นและข้อกังวลจากหลาย ๆ ฝ่าย โดยประเด็นหนึ่งที่จะมีการเสนอให้ปรับ คือการกำหนดว่าประเทศไทยควรจะมีการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กี่แห่ง โดยต้องการให้เขียนลงไปให้ชัดเจนในข้อกฎหมาย
สำหรับการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่า ให้มีแค่ 2 แห่ง เพื่อช่วยลดข้อกังวลได้ว่าประเทศไทยจะมีจำนวนสถานบันเทิงครบวงจรไม่สถานบันเทิงครบวงจรมากเกินไป เหมือนกับหลายประเทศที่มีจำนวนมากเกินไปแล้วไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้
อย่างไรก็ดีการกำหนดจำนวนของใบอนุญาตสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ถือเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร เป็นผู้กำหนดจำนวน และสถานที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจรของไทยว่าจะมีกี่แห่ง โดยขั้นตอนการดำเนินการ จะว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมของจำนวนและสถานที่ของสถานบันเทิงครบวงจร แต่ละแห่งในประเทศไทยต่อไป
ส่วนข้อโต้แย้งว่าจะเป็นอำนาจทางการเมืองมากำหนดเรื่องของจำนวนและสถานที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจรได้อีกหรือไม่ นายศึกษิษฏ์ ยอมรับว่า เพื่อแก้ปัญหาจึงต้องหารือว่าอาจจะมีการปรับปรุงเรื่องนี้ในชั้นกรรมาธิการว่าให้กำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.ว่าจะมีไม่เกินกี่แห่ง
“เดิมเราไม่ได้เขียนจำนวนสถานบันเทิงครบวงจร ว่าจะมีจำนวนกี่แห่ง แต่ก็มีคนพูดถึงโมเดลของสิงคโปร์ที่มีการกำหนดให้มีแค่ 2 แห่งแล้วใช้วิธีต่อใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการรายเดิม ซึ่งตรงนี้เราก็รับฟังความคิดเห็นว่า หากจะกำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่าใน พ.ร.บ.จะมีกี่แห่ง ส่วนในอนาคตจะมีการเพิ่มจำนวนขึ้นหากมีขนาดเศรษฐกิจที่โตขึ้น ก็สามารถทำได้ ก็เปิดให้ทบทวนและแก้กฎหมายได้” นายศึกษิษฏ์ กล่าว