svasdssvasds

เปิดประวัติ โง ดินห์ เดียม นักการเมืองหัวใจฝรั่งเศสของเวียดนาม

เปิดประวัติ โง ดินห์ เดียม นักการเมืองหัวใจฝรั่งเศสของเวียดนาม

โง ดินห์ เดียม ผู้นำเวียดนามใต้หัวใจฝรั่งเศส ที่ตะวันตกหนุนหลัง ชนชั้นนำคาทอลิกผู้ห่างเหินประชาชนส่วนใหญ่ ปกครองแบบรวมศูนย์เลือกปฏิบัติจนเกิดวิกฤตศาสนา

SHORT CUT

  • โง ดินห์ เดียม เป็นชนชั้นสูงชาวคริสต์คาทอลิกที่เติบโตในระบบอาณานิคมฝรั่งเศสและได้รับการศึกษาแบบตะวันตก ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ "ลืมรากเหง้า" และไม่สามารถสร้างความชอบธรรมในสายตาประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวพุทธได้ เขาพึ่งพาการสนับสนุนจากต่างชาติคือสหรัฐอเมริกาในการขึ้นสู่อำนาจ
  • เดียมสถาปนาระบอบอำนาจรวมศูนย์แบบ "บุญนิยมครอบครัว" โดยให้ญาติสนิทอยู่ในตำแหน่งสำคัญ เขาใช้มาตรการปราบปรามคู่แข่งทางการเมืองอย่างเข้มข้น ที่สำคัญคือการยกสถานะศาสนาคริสต์คาทอลิกเหนือพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาของคนส่วนใหญ่ นโยบายนี้ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติและนำไปสู่ "วิกฤตศาสนาพุทธ" ในปี 1963 โดยมีเหตุการณ์สำคัญคือการประท้วงและการเผาตนเองของพระสงฆ์
  • เมื่อความนิยมในตัวเดียมตกต่ำถึงขีดสุดและความขัดแย้งรุนแรงขึ้น สหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนหลักเริ่มพิจารณาการเปลี่ยนตัวผู้นำ ในที่สุด โง ดินห์ เดียม ก็ถูกโค่นล้มอำนาจจากการรัฐประหารโดยกลุ่มนายทหารในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1963 เขาและน้องชายถูกจับตัวและสังหารในวันต่อมา ซึ่งสร้างความตกใจให้กับหลายฝ่าย แม้แต่สหรัฐอเมริกาเองที่ทราบแผนรัฐประหารล่วงหน้า

โง ดินห์ เดียม ผู้นำเวียดนามใต้หัวใจฝรั่งเศส ที่ตะวันตกหนุนหลัง ชนชั้นนำคาทอลิกผู้ห่างเหินประชาชนส่วนใหญ่ ปกครองแบบรวมศูนย์เลือกปฏิบัติจนเกิดวิกฤตศาสนา

ในโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เส้นแบ่งอำนาจโลกถูกกำหนดด้วยสองขั้วอุดมการณ์ คือ คอมมิวนิสต์และเสรีนิยมประชาธิปไตย ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งและการแบ่งแยกทางอุดมการณ์อย่างรุนแรง ประเทศเวียดนามคือเวทีสำคัญของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างขั้วอำนาจทั้งสอง โดยเฉพาะระหว่างเวียดนามเหนือที่นำโดยโฮจิมินห์ ซึ่งยึดมั่นในลัทธิมาร์กซ์-เลนิน กับเวียดนามใต้ที่อยู่ภายใต้การนำของโง ดินห์ เดียม ผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก

อย่างไรก็ตาม โง ดินห์ เดียม กลับกลายเป็นผู้นำที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในประวัติศาสตร์ว่าเป็น “ผู้นำที่ลืมรากเหง้าของตนเอง” เขาคือชนชั้นนำที่เติบโตในระบบอาณานิคมฝรั่งเศส ยึดถือค่านิยมคริสต์ตะวันตก และไม่สามารถสร้างความชอบธรรมในสายตาประชาชนส่วนใหญ่ของเวียดนามใต้ได้ สุดท้ายจึงพบจุดจบที่โหดร้ายจากรัฐประหารที่ได้รับไฟเขียวจากผู้สนับสนุนเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาเอง

เบื้องหลังชีวิตและแนวคิดของโง ดินห์ เดียม

โง ดินห์ เดียม (Ngô Đình Diệm) เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 1901 ที่จังหวัดเถื่อเทียน-เว้ (Thừa Thiên-Huế) ในราชอาณาจักรอันนัม ซึ่งเป็นรัฐราชสำนักในระบบอาณานิคมฝรั่งเศส ครอบครัวของเดียมเป็นชนชั้นสูงชาวคริสต์คาทอลิกที่จงรักภักดีต่อฝรั่งเศส พ่อของเขาเคยดำรงตำแหน่งในราชสำนัก และได้รับการยกย่องจากทางการอาณานิคม

เดียมเติบโตขึ้นในบริบทที่ศาสนาคริสต์คาทอลิกเป็นชนชั้นนำเหนือชาวพุทธซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ เขาได้รับการศึกษาในโรงเรียนของฝรั่งเศส และเข้าศึกษารัฐศาสตร์ที่ Trường Hậu bổ ซึ่งเป็นโรงเรียนของราชสำนักเวียดนามที่ดำเนินการโดยฝรั่งเศส

ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เดียมได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยภายใต้จักรพรรดิ Bảo Đại และเป็นที่รู้จักในฐานะข้าราชการที่มีความเด็ดขาดและยึดมั่นในระเบียบ เขาเคยแสดงท่าทีต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจนแต่ก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับขบวนการชาตินิยมที่ต่อต้านฝรั่งเศส เขาเห็นว่าเวียดมินห์ (Việt Minh) ภายใต้การนำของโฮจิมินห์นั้นเป็นภัยต่อระเบียบศีลธรรมและสังคมคริสต์ที่เขายึดถือมากกว่าการปกครองของฝรั่งเศสเสียอีก

การขึ้นสู่อำนาจ: ประธานาธิบดีที่ไร้ฐานรากในหมู่ประชาชน

หลังการพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสในยุทธการที่เดียนเบียนฟู (Điện Biên Phủ) ในปี 1954 การประชุมเจนีวาจัดให้มีการแบ่งเวียดนามออกเป็นสองเขตชั่วคราวที่เส้นขนานที่ 17 โดยเวียดนามเหนือนำโดยโฮจิมินห์ และเวียดนามใต้ยังอยู่ในความควบคุมของฝรั่งเศสภายใต้จักรพรรดิ Bảo Đại โง ดินห์ เดียมได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของเวียดนามใต้ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา

ในปี 1955 เดียมจัดให้มีการลงประชามติปลดจักรพรรดิ Bảo Đại ซึ่งเต็มไปด้วยข้อครหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง (เขาได้รับคะแนนเสียงเกิน 98% บางเขตมีผู้ลงคะแนนมากกว่าประชากร) และประกาศสถาปนาตนเองเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนามใต้ เขาเริ่มสร้างระบอบอำนาจรวมศูนย์แบบ "บุญนิยมครอบครัว" โดยวางพี่น้องและญาติสนิทในตำแหน่งสำคัญของรัฐบาล ตำรวจ และทหาร

แม้จะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา แต่เดียมไม่ได้สร้างระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยตามที่ตะวันตกหวัง เขาใช้มาตรการปราบปรามคู่แข่งทางการเมืองอย่างเข้มข้น ผ่านองค์กรลับเช่น Cần Lao Party และสร้างเครือข่ายความจงรักภักดีรอบตัวโดยไม่เปิดพื้นที่ทางการเมืองให้กับชนชั้นกลางหรือปัญญาชนสายพุทธ

ความแตกแยกทางศาสนาและวัฒนธรรม: สงครามกลางเมืองในร่มเงา

เดียมยกสถานะศาสนาคริสต์คาทอลิกเหนือศาสนาอื่น โดยเฉพาะพุทธศาสนา ซึ่งมีผู้ศรัทธามากกว่า 70% ของประชากรเวียดนามใต้ นโยบายของเขานำไปสู่การเลือกปฏิบัติ เช่น ให้เงินอุดหนุนโบสถ์มากกว่าวัด ให้คริสต์ศาสนิกชนเข้าถึงงานราชการและตำแหน่งสำคัญก่อนผู้นับถือศาสนาอื่น

ปี 1963 เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างรุนแรง คือ "วิกฤตศาสนาพุทธ" (Buddhist Crisis) ซึ่งเริ่มจากการห้ามไม่ให้แขวนธงพุทธในงานเฉลิมฉลองของศาสนา ในขณะที่อนุญาตให้แขวนธงวาติกันเพื่อฉลองวันเกิดของภรรยาของเดียม ความไม่พอใจลุกลามสู่การประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อพระ Thích Quảng Đức จุดไฟเผาตนเองกลางถนนในไซ่ง่อนเพื่อประท้วงรัฐบาล ภาพถ่ายเหตุการณ์นั้นกลายเป็นภาพสัญลักษณ์ของความโหดร้ายและการปกครองที่ปราศจากมนุษยธรรมของรัฐบาลเดียม และส่งแรงกระเพื่อมไปยังสื่อระดับโลก รวมถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

การรัฐประหารและจุดจบอย่างน่าเศร้า

เมื่อความนิยมในตัวเดียมตกต่ำถึงขีดสุด และแนวโน้มการเกิดสงครามกลางเมืองในเวียดนามใต้ทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐอเมริกาเริ่มพิจารณา "เปลี่ยนตัวผู้นำ" เพื่อรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นกันชนต้านคอมมิวนิสต์

ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1963 นายพล Dương Văn Minh พร้อมกลุ่มนายทหารระดับสูงนำการรัฐประหารเข้ายึดอำนาจ รัฐบาลเดียมล่มสลายภายในไม่กี่ชั่วโมง เดียมและน้องชาย Ngô Đình Nhu ถูกจับตัวได้ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมภายในรถหุ้มเกราะขณะถูกควบคุมตัว ซึ่งสร้างความตกใจให้กับนานาชาติ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาที่แม้จะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับแผนรัฐประหาร แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะลงเอยด้วยการฆาตกรรม

โง ดินห์ เดียม เป็นตัวอย่างของผู้นำที่พยายามผูกขาดอำนาจผ่านการพึ่งพาอำนาจจากต่างชาติและการปกครองแบบเครือญาติ แต่กลับล้มเหลวในการสร้างฐานสนับสนุนในประเทศของตนเอง ความฝักใฝ่ในค่านิยมฝรั่งเศสและคริสต์ตะวันตก กลายเป็นอุปสรรคต่อการเข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเวียดนามใต้

บทเรียนจากโง ดินห์ เดียม คือ ความล้มเหลวของการพยายาม "ปลูกฝังประชาธิปไตยจากเบื้องบน" และการละเลยเสียงของประชาชนในนามของอุดมการณ์ การเมืองที่ละเลยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ย่อมสร้างแรงปะทะที่นำไปสู่ความรุนแรง และการล่มสลายในที่สุด

อ้างอิง

Archive / Misalliance / Vietnam / Cambridge / NewYorkTimes / Britannica / PBS /

related