svasdssvasds

ครม.เคาะเพิ่ม เงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

ครม.เคาะเพิ่ม เงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

"ภูมิธรรม" ปฏิเสธข่าวลือเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นจำนวน 8-10 ล้านบาท โดยระบุว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด

SHORT CUT

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเงินเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดน
  • ครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยารวมรายละ 10 ล้านบาท
  • ครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยารวมรายละ 8 ล้านบาท
  • รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและป้องกันข่าวปลอมที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

"ภูมิธรรม" ปฏิเสธข่าวลือเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นจำนวน 8-10 ล้านบาท โดยระบุว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด

วันที่ 5 ส.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชา จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีการรายการตัวเลขกี่ราย เนื่องจากมีรายงานข่าวว่ามีการเสียชีวิตหลักพันนาย ว่า นี่ก็ไปฟังข่าวอีก ตนไม่รู้ว่าจริงๆ เป็นตัวเลขเท่าไหร่ และเราคงไม่มานั่งรายงานเรื่องนี้ เพราะการชนะหรือไม่ชนะ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนศพ เราให้เกียรตินักรบทุกคนที่เข้ามาอยู่ในสมรภูมิ ไม่ควรจะเอาเรื่องการเสียชีวิตมาเล่นเป็นประเด็น

ส่วนเรื่องเงินเยียวยาเพิ่มเติม ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน ทั้งในส่วนของทหาร และประชาชน โดยเป็นเงินจาก กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีและงบกลาง ก็จะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้เหมือนกัน เท่าที่เสนอไปก็จะดูว่าให้เพิ่มจากที่เคยได้รับไปแล้ว 

เมื่อถามว่า สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นตัวเลข 8-10 ล้านบาท จริงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จริงทั้งหมด เพราะก็มีน้อยกว่านี้ ขณะนี้ข่าวลือเยอะ

 

ล่าสุดเวลา 13.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า 

รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุก ๆ ครอบครัว และพี่น้องประชาชนทุกท่านในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

ซึ่งแม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้น จะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท

อัตราเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ 

เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตชด.)

  • เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 10 ล้านบาท
  • บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท (พักรักษาตัวใน รพ. เกิน 20 วัน)
  • บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. 2 - 20 วัน)

ประชาชน

  • เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 8 ล้านบาท
  • บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. เกิน 20 วัน)
  • บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. 2 - 20 วัน)

เห็นชอบกรอบวงเงินงบฯ เยียวยา (ตั้งแต่ 16 ก.ค. - 2 ส.ค. 68) จำนวน 404.60 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบกลางฯ เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี และกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยตามระเบียบ นร. ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้จัดเตรียมข้อมูลต่อไป ในการเยียวยาทรัพย์สินที่มีความเสียหาย

 

สถานการณ์สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ การที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพยายาม และผลจากการทำงานอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค ซึ่งอาจถือได้ว่า นี่คือโอกาสใหม่ของไทยในการเปิดประตูสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี รัฐบาลทราบดีว่า การเปลี่ยนแปลงกติกาและโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก ย่อมทำให้ทุกประเทศต้องมีการปรับตัว ดังนั้น รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ

และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง

บทเรียนจากเหตุการณ์ทั้งสองที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้พวกเราต่างได้เรียนรู้ว่า การจะก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ จำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีของพวกเราชาวไทยทุกคนเพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อน

 

related