svasdssvasds

วีระ เตือน หนี้สาธารณะไทยวิกฤติ งบขาดดุลพุ่ง สู่กับดักการคลัง

วีระ เตือน หนี้สาธารณะไทยวิกฤติ งบขาดดุลพุ่ง สู่กับดักการคลัง

อ.วีระ เตือน การคลังไทยเข้าขั้นวิกฤติ! งบขาดดุลพุ่ง 8.6 แสนล้าน รายได้หด ภาระผูกพันพอกพูน กำลังคุกคามประเทศสู่กับดักหนี้ถาวรที่แก้ไขยาก

SHORT CUT

  • งบประมาณปี 2569 ขาดดุลถึง 860,000 ล้านบาท และประมาณการรายได้ที่อาจสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ต้องนำเงินคงคลังมาใช้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงทางการคลังที่สะสมเพิ่มขึ้น
  • การจัดเก็บรายได้ของรัฐเมื่อเทียบกับ GDP ลดลงจากร้อยละ 19-20 เหลือเพียงร้อยละ 14-15 ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย
  • ภาระผูกพันในงบประมาณมีจำนวนสูงถึง 1,656,643 ล้านบาท โดยเป็นภาระผูกพันใหม่ในปี 2569 จำนวน 352,091 ล้านบาท

อ.วีระ เตือน การคลังไทยเข้าขั้นวิกฤติ! งบขาดดุลพุ่ง 8.6 แสนล้าน รายได้หด ภาระผูกพันพอกพูน กำลังคุกคามประเทศสู่กับดักหนี้ถาวรที่แก้ไขยาก

วันที่ 13 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 เป็นวันแรก

นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 สงวนความเห็น อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณรายประจำปีซึ่งอาศัย พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ในการกำหนดกรอบกติกาและมาตรฐานในการบริหารรายได้ การใช้จ่าย และการก่อหนี้ของรัฐ เพื่อให้การเงินการคลังของประเทศมีความมั่นคงและยั่งยืน

แม้จะดำเนินการอย่างรอบคอบก็จริง แต่จากประสบการณ์ที่เข้ามาทำหน้าที่ กมธ.ตนมีความเป็นห่วงต่อสถานภาพทางการเงินและการคลังของประเทศในปัจจุบันและในอนาคตมากกว่าเดิม เพราะหากการบริหารการคลังยังมีวิธีคิดแบบเก่า หรือใช้วิธีการแบบเดิมอย่างในปัจจุบัน เราจะมีปัญหาและจะเจอวิกฤติการเงินการคลังในอนาคตอย่างแน่นอน

นายวีระกล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหามาตลอดและจะหนักหนาสาหัสมากขึ้นต่อไปในอนาคต คือการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล โดยในงบประมาณปี 2569 มียอดขาดดุล 860,000 ล้านบาท และประมาณการรายได้ไว้ที่ 2,920,600 ล้านบาท ซึ่งปัญหาคือการประมาณการที่ใช้ในการจัดทำงบปี 2569 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 1.3-3.3

ซึ่งตนมองว่า อัตราการขยายตัวน่าจะต่ำกว่านั้นมาก ทำให้การประมาณการรายได้สูงกว่าความเป็นจริง และทำให้ต้องนำเงินคงคลังมาใช้ และตามมาด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังในอนาคต นอกจากนี้ งบประมาณรายจ่ายจำนวนหนึ่งไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพราะเป็นเพียงการโอนเงินเท่านั้น เช่น การชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับรัฐวิสาหกิจ สิ่งนี้เป็นภาระทางการคลังที่น่าห่วงใยมาก

นายวีระกล่าวต่อว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับประมาณการรายได้ ทำให้การตั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายนั้นสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ต้องกู้ยืมด้วยการทำงบประมาณขาดดุลเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงไม่ให้ขัดต่อกฎหมายเท่านั้น การบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายแบบนี้นับวันจะสะสมพอกพูนความเสี่ยงทางด้านการคลังของประเทศมากขึ้น

นายวีระกล่าวว่า การจัดเก็บรายได้เมื่อเทียบกับจีดีพีมีลักษณะถดถอย จากเดิมที่เคยเก็บได้ร้อยละ 19-20% แต่ปัจจุบันลงมาเหลือร้อยละ 14-15% ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย จึงขอตั้งสังเกตให้ได้คิดพิจารณากันในอนาคต

นายวีระกล่าวว่า หากดูไส้ในของงบประมาณสิ่งที่น่าตกใจและควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือภาระผูกพันในงบประมาณ ที่มียอดสูงถึง 1,656,643 ล้านบาท โดยเป็นภาระผูกพันใหม่ในงบปี 2569 จำนวน 352,091 ล้านบาท เท่ากับว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีในอนาคตจะมีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เกิดสภาพกับดักทางงบประมาณ เพราะมีภาระผูกพันที่พอกพูน ซึ่งแก้ไขยากหากไม่เริ่มแก้ไข ณ ตอนนี้

นายวีระกล่าวว่า หากดูยอดงบประมาณที่มีการขาดดุลร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับจีดีพีเป็นอัตราที่เป็นอันตราย เพราะมาตรฐานในการขาดดุลงบประมาณไม่ควรเกินร้อยละ 3 ด้วยเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวต่ำ

ตนอยากจะบอกว่า หากได้อ่านรายงานความเสี่ยงทางการคลัง ในงบประมาณปี 2567 และแผนการคลังระยะกลาง ปีงบประมาณ 2569-2572 ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะเกิดวิกฤติการเงินการคลังในอนาคตหากไม่แก้ไขตอนนี้ ตนจึงเสนอให้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ลงเป็นร้อยละ 10 เพื่อปรับฐานการเงินการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

related