SHORT CUT
"พิพัฒน์" ว่าที่ รมว.คมนาคมคนใหม่ ประกาศเร่งสางคดีที่ดินเขากระโดง หลังรับตำแหน่ง ยันไม่ใช่ "มวยล้ม" พร้อมให้ รฟท. ดำเนินการทันที เพื่อความกระจ่างของชาติ
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่พรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวว่า ตอนนี้น่าจะมีความชัดเจนแล้ว ที่ตนจะนั่งในตำแหน่ง รมว.คมนาคม แต่เรื่องนโยบายต่างๆ ที่จะดำเนินการขอให้เป็นเรื่องของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลง
ส่วนเรื่องของข้อกังขาต่างๆ ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง นายพิพัฒน์ ระบุว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นเรื่องแรกๆ ให้ความกระจ่างกับคนไทยทั้งประเทศ ว่าสรุปแล้วสองกระทรวงนี้จะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมที่ดิน จะต้องมีแนวนโยบายดำเนินการออกมาที่ชัดเจน ซึ่งจะเริ่มจากการหารือเพื่อดูว่าเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันไปจนถึงชั้นศาลหรือไม่ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดต้องให้รฟท. ดำเนินการในขอบเขตที่หน่วยงานคิดว่าจะดำเนินการได้
เมื่อถามว่า ได้มีการตั้งกรอบระยะเวลาไว้หรือไม่ที่จะให้รฟท. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากได้เข้าไปทำหน้าที่ในกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แน่นอนว่าหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ถวายสัตย์ เรียบร้อยแล้ว จะเป็นสิ่งแรกที่ตนต้องดำเนินการ ซึ่งจะหารือกับนายอนุทิน ในฐานะนายกฯ และรมว.มหาดไทย โดยย้ำว่าต้องทำให้คนไทยสบายใจในเรื่องที่ดินเขากระโดง ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า อาจจะมีข้อกังขาว่าคนของพรรคภูมิใจไทยเข้ามาดูแลในสองกระทรวงที่กำลังมีกรณีพิพาท นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ยิ่งพรรคภูมิใจไทยมาดูแลสองกระทรวงนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้สังคมหายคาใจให้ได้ แม้ว่าสองกระทรวงนี้พรรคภูมิใจไทยจะได้รับหน้าที่ทั้งสองกระทรวง แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องที่ดินของชาติ ต้องทำให้กระจ่างในที่ดินที่ประชาชนได้โฉนดมากว่า 900 ราย หากรฟท. มองว่าสามารถฟ้องเป็นรายแปลงได้ ก็จะรีบดำเนินการทันที เป็นสิ่งที่ตั้งธงไว้อย่างแรกที่ต้องทำ
ส่วนระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลเพียงพอหรือไม่ ที่จะทำให้เรื่องนี้กระจ่าง นายพิพัฒน์ ยอมรับว่า 4 เดือนนี้ ตนไม่แน่ใจ ที่จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายจะเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ แต่ตนจะให้ทางรฟท.เริ่มดำเนินการทันทีหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำในตอนท้ายว่าอะไรที่ทำให้กระจ่าง เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องทำ และดำเนินการ แต่ยืนยันได้เลยว่า ไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู และคนไทยต้องได้รับความกระจ่าง