SHORT CUT
"ชลน่าน" อภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทิน หวั่นสภาสีน้ำเงิน รับจบทำรัฐธรรมนูญ ซ้ำรอย ฮั้ว ส.ว. ผิดหวังปัดตกนโยบายที่มีประโยชน์ต่อประชาชน ด้านอนุทินโต้ “ท่านทำไม่ได้ อย่าคิดว่าผมทำไม่ได้” ยันยุบสภา 31 ม.ค. 69
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เปิดประเด็นอภิปรายนโยบายของ รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างดุเดือด โดยระบุว่านโยบายที่รัฐบาลชุดนี้เสนอมาทั้ง 4 ด้าน "ไม่ใช่ทางออก แต่จะกลายเป็นหายนะ" ที่เสี่ยงจะฉุดประเทศให้ถอยหลังและซ้ำเติมปัญหาเดิมให้หนักยิ่งขึ้น
แม้รัฐบาลจะประกาศนโยบาย "แก้รัฐธรรมนูญ" แต่ นพ.ชลน่าน กลับมองว่าเป็นเพียง "สัญญาลมปาก" ที่ขาดความจริงใจ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของการได้มาซึ่ง ส.ว. ในปี 2567 ที่เปิดช่องให้เกิดการ "ฮั้วคะแนน" จนนำไปสู่การก่อตัวของ "ส.ว.สีน้ำเงิน" ซึ่งลงมติไปในทิศทางเดียวกับพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง
ความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้นจากการสอบสวนคดีฮั้ว ส.ว. ที่พบผู้เกี่ยวข้องถึง 229 คน โดยมีถึง 91 คนเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย หากคดีนี้ลุกลามจนนำไปสู่การยุบพรรค จะยิ่งตอกย้ำว่า "รัฐบาลนี้คือหายนะต่อการแก้รัฐธรรมนูญ"
การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสะท้อน "ฐานอำนาจการเมืองท้องถิ่น" มากกว่าการพิจารณาจากความสามารถในการบริหาร นพ.ชลน่าน ถึงขนาดตั้งฉายาให้รัฐบาลชุดนี้ว่า "รัฐบาลอนุวิน-เนทิน-หนูเน"
นอกจากนี้ ยังมีการรวมบุคคลที่สังคมตั้งคำถามด้านจริยธรรม เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามาเป็นรัฐมนตรี รวมถึงปัญหาที่ดินสาธารณะ "คดีเขากระโดง" ที่ยังคงคาราคาซัง ซึ่งทำให้เกิดคำถามอย่างหนักต่อความโปร่งใสและหลักนิติธรรมของรัฐบาล
ประเด็นนโยบายที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างสำคัญคือเรื่อง กัญชา ซึ่งมีการปลดล็อกโดยขาดกติกาที่ชัดเจน จนกลายเป็น ปัญหาสังคมและสาธารณสุข อย่างรุนแรง นพ.ชลน่าน ตอกย้ำประเด็นนี้อย่างเจ็บแสบว่า "รัฐบาลที่เคยสร้างปัญหาเอง จะมาแก้ปัญหาได้อย่างไร" สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นในความสามารถของทีมบริหารในการแก้ไขวิกฤตที่ตนเองเป็นผู้ก่อขึ้น
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือการที่รัฐบาลชุดนี้ได้ "ยกเลิก" นโยบายจากรัฐบาลชุดก่อนที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" และ "โครงการ ODOS" รวมถึงนโยบายดอกเบี้ยต่ำที่ช่วยผู้มีรายได้น้อย
ที่สำคัญคือการปัดตกนโยบาย "20 บาทตลอดสาย" สำหรับระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นมาตรการลดค่าครองชีพที่ประชาชนสามารถ "จับต้องได้" การยกเลิกนโยบายเหล่านี้เท่ากับการ สูญเสียโอกาส ที่ประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ทั้งหมดนี้อาจกล่าวได้ว่า นโยบายที่รัฐบาลอนุทินประกาศไว้ ไม่ใช่ 4 ข้อที่จะพาประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่เป็นหายนะของประเทศในระยะยาว เป็นการจัดวางอำนาจเพื่อสืบทอดและครอบงำมากกว่าพยายามที่จะสร้างภาพอนาคตของประเทที่ดูจับต้องได้ เวลาสี่เดือนสำหรับการเมืองอาจจะไม่นาน แต่สำหรับประชาชนที่ต้องทนอยู่กับเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ที่ไม่พอรายจ่าย และคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีขึ้น ระยะเวลาสี่เดือนต่อจากนี้อาจเป็นเวลาที่สูญเสียไปอย่างไร้ความหมาย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า รัฐบาลนี้ยังไม่สามารถวาดภาพอนาคตที่มั่นคงให้ประชาชนเห็นได้เลย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบการอภิปรายอย่างดุเดือดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ด้วยการ ยืนยันความสามารถและกำหนดเวลาที่ชัดเจน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่านโยบายรัฐบาลจะนำไปสู่ "หายนะ"
นายกฯ อนุทิน เปิดฉากตอบโต้ด้วยประโยคที่ทรงพลังและเน้นความมั่นใจว่า "ท่านทำไม่ได้ อย่าคิดว่าผมทำไม่ได้" โดยยืนยันว่านโยบายทุกอย่างที่นำเสนอต่อสภาสามารถ ทำได้จริงและเริ่มได้ทันที
นายอนุทิน ย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้เป็น "รัฐบาลเฉพาะกิจ" ที่เข้ามาทำหน้าที่แก้ไขปัญหาที่รัฐบาลก่อนหน้าทิ้งไว้ โดยเฉพาะความเสียหายด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และเกียรติภูมิของประเทศ ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเต็มกำลังภายในระยะเวลาจำกัด
หัวใจสำคัญของการตอบโต้ครั้งนี้คือ การประกาศกำหนดเวลาที่ชัดเจนเพื่อคลายความกังวลและข้อสงสัยทางการเมือง
กำหนดวันยุบสภา: นายกฯ ยืนยันหนักแน่นว่า "นับจาก 1 ต.ค. 68 ถึง 31 ม.ค. 69 ผมจะยุบสภาแน่นอน"
คืนอำนาจให้ประชาชน: การยุบสภาจะเปิดทางให้ประชาชนได้เป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศผ่าน การเลือกตั้งใหม่ และ การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายอนุทินชี้แจงถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีว่า คัดสรรทีมรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ทุกคนมีประสบการณ์และผลงานที่พิสูจน์แล้ว โดยประกาศตัวเป็น “รัฐบาล 4 เดือน” ที่พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่
นายกฯ ย้ำว่าตนเป็น "คนใจกว้าง" ที่เปิดทางให้ทีมงานแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ และที่สำคัญคือ พร้อมให้ตรวจสอบในทุกขั้นตอน
นายอนุทินกล่าวเสริมว่า รัฐบาลชุดนี้จะเป็นแบบอย่างในการสร้างประชาธิปไตยที่โปร่งใสและมั่นคง โดยยืนยันว่า "ไม่มีใครบงการได้" ทุกการตัดสินใจมาจากการหารือกับ ครม. และสภาเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
นายอนุทิน กล่าวว่า เราเคยอยู่ด้วยกัน 20 ปีก่อน อยู่ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อมีการประชุมครม. มีการพูดถึงปัญหา ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตนเป็นรัฐบาล ขณะที่นพ.ชลน่านเป็น เลขานุการรมว.สาธารณสุข ตนจำว่า นายทักษิณไม่พอใจ ครม. ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นบอกกับตนเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น หากตนทำงานที่ไหน เมื่อมีปัญหาจะปิดไมค์แล้วบอกว่า จำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออกและผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ทั้งนี้ ตนและครม. เป็นตัวอย่างหลัก ชนะไม่ชนะไม่รู้ แต่ตนเห็นทุกทางออกในทุกปัญหา