
SHORT CUT
ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ยืนยันพรรคเคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่ขัดขวางการตรวจสอบ ปปง. คดีชนนพัฒฐ์ ถามกลับ สส. ที่เรียกร้องให้ ชนนพัฒฐ์ ลาออกใช้มาตรฐานเดียวกันไหม?
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงพรรคจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมกรณี ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ และถามกลับถึงนักการเมืองบางคนที่มีคดีความติดตัวเช่นกัน แต่กลับมาเรียกร้องให้ ชนนพัฒฐ์ ลาออก ถือเป็นการกวาดบ้านคนอื่นก่อนกวาดบ้านตัวเองหรือไม่? โดยมีเนื้อหาดังนี้
"ช่วง 2–3 วันนี้ ผมได้รับคำถามจากสื่อหลายสำนัก ถึงกรณีที่ สส.ชนนพัฒฐ์ ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ จากข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นทางการเงินในคดีพนันออนไลน์
คำถามคือ พรรคกล้าธรรมต้องรับผิดชอบอย่างไร? และ รัฐมนตรีธรรมนัสควรลาออกหรือไม่?
ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ
1. เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็น “มาตรฐานเดียวกันของทั้งสภา”
ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ผมยืนยันว่า กรณีของ สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องตรวจสอบตามกฎหมายอย่างรอบด้านและเจ้าตัวมีหน้าที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการยุติธรรม
พรรคกล้าธรรมจะไม่แทรกแซง ไม่ปกป้อง และไม่ขัดขวางการตรวจสอบ ผิดก็ต้องรับผิด แต่ถ้าถูก ก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้เขาเช่นกัน
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ “ข้อเท็จจริง” และ “กระบวนการยุติธรรม” ครับ
2. แต่ในขณะเดียวกัน…สังคมควรมองภาพใหญ่ด้วยความเป็นธรรม
ทุกวันนี้ในสภามี สส. หลายคน ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ที่เคยถูกศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์พิพากษาจำคุก แต่ยังดำรงตำแหน่งต่อ
และบางท่านเหล่านั้น กลับเป็นผู้เรียกร้องเสียงดังที่สุดว่า “สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องลาออกทันที”
คำถามคือ…เรากำลังใช้มาตรฐานเดียวกันจริงหรือไม่?
ผมไม่ต้องการพาดพิงบุคคลใดเป็นพิเศษ แต่เมื่อผู้แทนประชาชนบางคน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีของตนเอง ยังดำรงตำแหน่งต่อไปได้
หลักการเดียวกันก็ควรถูกใช้กับทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะบางฝ่ายเท่านั้น
นี่ไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นการตั้งคำถามเรื่อง “มาตรฐานร่วมกันของสภา”ซึ่งสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนครับ
3. พรรคกล้าธรรมยืนยันหลักการสำคัญ 3 ประการ
3.1ไม่เลือกปฏิบัติ
ไม่ว่าฝ่ายใด หากมีข้อกล่าวหา ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม
3.2เคารพกระบวนการยุติธรรม
คำพิพากษาชั้นต้นหรืออุทธรณ์ ถือเป็นข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ แม้คดียังไม่ถึงที่สุด ก็ไม่ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
3.3 นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าเราจะเรียกร้องให้คนอื่นลาออกเราก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับตัวเองเช่นกัน
สังคมไทยอยู่กับ “สองมาตรฐาน” มานานพอแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่อง “เอ็งชั่ว–ข้าเลว” และไม่ใช่การใช้คดีของคนอื่นเพื่อหาประโยชน์ทางการเมือง
แต่คือความจำเป็นในการยกระดับความเชื่อมั่นของสภาผู้แทนราษฎรและทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยสามารถเดินไปบนมาตรฐานเดียวกันได้จริง
ก่อนจะกวาดบ้านให้คนอื่น เราต้องกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดก่อนเสมอ สีเขียวก็ไม่เอาสีเทาเช่นกันครับ"