svasdssvasds

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม พร้อมขยายคอมมูนิตี้ให้คนเมืองกินเพื่อสุขภาพแบบเอ็นจอย เฮลธ์ตี้ควบอร่อยได้ทุกวัน!!

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ และการรับประทานวีแกนเป็นเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นไลฟ์สไตล์ที่สำคัญสำหรับการทำตลาดของหลายๆ ธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอาหาร บริการทางสุขภาพ ความงาม ฯลฯ และถือเป็นภาคอุตสาหกรรมขาขึ้น ซึ่ง International Food Information council ได้ระบุข้อมูลที่น่าสนใจว่าในอีกไม่เกิน  5 ปีข้างหน้า ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพทั่วโลกจะมีมูลค่ามากถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ 54% ของผู้บริโภคอาหารทั่วโลก เลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่าเรื่องรสชาติและราคา โดยกลุ่มที่เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนคือวีแกน แพลนต์เบส เกษตรอินทรีย์ และ อาหารที่ถูกออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม

เพื่อตอกย้ำการเติบโตของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ และเทศกาล วันมังสวิรัติโลก หรือ World Vegan Day ปีนี้ แบรนด์วี ฟาร์มจึงได้มีการเดินหน้าแคมเปญ Plant-based is calling ที่ตั้งใจเชิญชวนกลุ่มผู้บริโภคทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มคนทั่วไป ให้ได้เอ็นจอยกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ปัจจุบันมีรูปแบบที่หลากหลาย มีช่องทางที่สะดวก และมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง วี ฟาร์มยังมีกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่

1.การพัฒนาโปรดักส์ โดยเฉพาะ “อาหารจากพืช” ให้มีความน่าสนใจทั้งในเชิงรูปลักษณ์ รสชาติ สตอรี่ของสินค้า คุณประโยชน์ สะดวกและรู้สึกดีเมื่อได้รับประทาน และทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึง Urban Healthy Lifestyle โดยโปรดักส์สำคัญ ยังคงเป็น “ข้าวโพดหวาน จากข้าวโพดสายพันธุ์ Golden Sweet Corn” ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ข้าวโพดพร้อมทานในรูปแบบที่หลากหลาย รับประทานง่าย หาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งในปี 2022 สินค้าดังกล่าวยังคงได้รับความนิยม และมีการเติบโตเฉลี่ย 30% เมื่อเทียบกับปี 2021 และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ได้แก่ “น้ำนมข้าวโพดหวาน Sweet Corn Milk” ผลิตจากข้าวโพดหวานสายพันธุ์ Golden Sweet Corn ปรับสูตรใหม่เพิ่มข้าวโพดถึง 40% ให้ความสำคัญกับการควบคุมความหวานจากข้าวโพดให้พอดีในทุกๆ ขวด อร่อยหวานกำลังดี ใช้กระบวนการ HPP Process เพื่อเก็บความสดใหม่ได้นานถึง 30 วันแบบไม่เสียรสชาติ และยังคงรักษาคุณค่าทางสารอาหารให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เหมาะกับผู้ที่แพ้โปรตีนจากนมวัวหรือถั่ว โดยยังมีกลยุทธ์การผลิตที่สำคัญคือ ข้าวโพดจะต้องตัดสดใหม่ในช่วงเช้า และส่งตรงถึงโรงงานผู้ผลิตทันที

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม

2.การสนับสนุนเกษตรกร ในการเพาะปลูกผลผลิตที่มีคุณภาพ เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพและรสชาติดี โดยแนวทางนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในด้านการเลือกซื้อสินค้ากับทางวี ฟาร์ม ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทได้สนับสนุนผู้ปลูกข้าวโพด แห้ว มัน และธัญพืช ในพื้นที่ต่าง ๆ คือ ภาคกลาง กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี ภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ และสุโขทัย อีสาน นครราชสีมา และบุรีรัมย์

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม

3.การขยายช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค ทั้งการจับมือร่วมกับพันธมิตรในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จาก วี ฟาร์ม และพาร์ทเนอร์ เช่น การทำสื่อและช่องทางสินค้าขายในร้าน Jones' Salad หรือความร่วมมือกับแบรนด์มอร์มีท ในการต่อยอดผลิตอาหารแพลนต์เบสพร้อมทาน การเข้าสู่ช่องทางสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อย่าง กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, เซ็นทรัลฟู้ดส์ฮออล์ วิลล่า ฟู้ดส์แลนด์ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดอย่างริมปิง และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ยังมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปร่วมสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ (Plant – Based Creation) ในร้านอาหารทางเลือก - คาเฟ่ เพื่อให้อาหารจากพืช และ แพลนต์เบส สามารถหารับประทานได้ง่ายเหมือนกับอาหารทั่วไป และตอกย้ำความอร่อยตามไลฟ์สไตล์ของสายเฮลธ์ตี้ทั้งในกลุ่มวีแกน  มังสวิรัติ หรือกลุ่ม Flexitarian กลุ่มคนที่ทานแบบยืดหยุ่น ที่จะได้รับประทานอาหารคุณภาพ – รสชาติดีในทุก ๆ วัน

โดยล่าสุดได้จับมือร่วมกับ ร้าน alt.Eatery คอมมูนิตี้และร้านอาหารที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยจะนำผลิตภัณฑ์จากทางแบรนด์วี ฟาร์ม มารังสรรค์เป็นเมนูพิเศษ – เมนูที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยกันดี ด้วยรสชาติที่หลากหลาย อร่อยถูกปาก ให้คุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นอาหารที่ไม่ว่าจะสาย เฮลธ์ตี้ หรือผู้บริโภคที่ต้องการลิ้มลองแพลนต์เบสก็สามารถรับประทานได้ อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำคอมมูนิตี้ของสายรักสุขภาพ ของ alt.Eatery ที่มีความครบครันทั้งเรื่องของอาหาร การจำหน่ายสินค้าสุขภาพ กิจกรรมเวิร์คชอป การให้ความรู้ ทั้งนี้ การเสิร์ฟผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสจะมีทั้งของทานเล่น อาหารจานหลัก ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รังสรรค์และปรุงขึ้นโดยTop Chef ชื่อดังของทางร้าน

“วี ฟาร์ม” แท็กทีม “อัลท์ อีทเทอรี่” ครีเอทเมนูรับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม ด้านนายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น อาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท NRPT  เปิดเผยว่า ในฐานะของผู้พัฒนาธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพต้องการที่จะให้ไลฟ์สไตล์ดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องด้วยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในเชิงสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเป็นการปูทางไลฟ์สไตล์ที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต โดยในความร่วมมือครั้งนี้ ทางร้าน alt.Eatery จะนำร่องใช้วัตถุดิบข้าวโพดหวาน และน้ำนมข้าวโพดหวาน วี ฟาร์ม มาเป็นส่วนประกอบหลักในเมนูต่าง ๆ อย่างหมวดอาหารทานเล่นเช่น ทอดมันข้าวโพดเนื้อปู ข้าวโพดปิ้ง วีแกนชีส หมวดอาหารจานหลักจะนำเสนอในเมนู ข้าวโพดตำแซ่บ สปาเก็ตตี้ข้าวโพดและเบคอน หมวดอาหารหวาน เช่น โดนัทครีมชีสข้าวโพดปิ้ง และในหมวดเครื่องดื่มอย่างเมนู Sweet Corn Latte  และ Sweet Corn Salted Caramel เพื่อเป็นเมนูสำหรับคนที่ไม่รับประทานคาเฟอีน ซึ่งการเสิร์ฟเมนูเหล่านี้ จะเป็นการขยายอาหารจากพืชให้เติบโตในวงกว้าง เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรที่ทางวี ฟาร์มสนับสนุน และทำให้ไลฟ์สไตล์การกินแบบเฮลธ์ตี้ถูกพูดถึง ตามเทรนด์การสนทนาเรื่องอาหารบนโซเชียลมีเดียที่กำลังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

“ในปีนี้ผู้คนบนโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับหัวข้อการสนทนาเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งความสนใจนี้ อาหารเพื่อสุขภาพก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้ไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นที่นิยมมากขึ้นได้นั้น จำเป็นจะต้องทำให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงแนวทางการใช้ความคิดสร้างสรรค์ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอาหารดังกล่าว ซึ่งเมื่อผู้คนเห็นความแปลกใหม่ก็จะทำให้เปิดใจยอมรับ หรือเพิ่มสัดส่วนในการบริโภคอาหารประเภทเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่วิถีชีวิตที่เคยชินกับการรับประทานอาหารที่ยังอร่อยเหมือนทุกวัน แต่ได้ฟังก์ชันสุขภาพที่ดีเพิ่มตามมา”

นายแดน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเพิ่มไฮไลต์ให้กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว alt.Eatery ยังมุ่งตอบโจทย์กับวิถีชีวิตคนเมือง ด้วยขนม อาหารว่าง อาหารแช่แข็งจากแพลนต์เบสหลากหลายชนิด ผ่านโซนสินค้าที่มาจากผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีรายย่อยในไทย เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้ได้มีพื้นที่ในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคและทำตลาดที่เพิ่ม     มากขึ้น และเป็นการตอกย้ำจุดยืนของทางร้านที่ต้องการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมและวิถีการบริโภคแบบใหม่ที่เน้นความยั่งยืนเป็นสำคัญ อีกทั้งสถานที่ตั้งร้านยังรายล้อมด้วย ที่พักอาศัย โรงเรียน ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคหลากหลายช่วงวัย ซึ่งนับเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งที่จะเป็นโอกาสเข้าถึงผู้คนและขยายแผนเพื่อการพัฒนา ปัจจุบัน alt.Eatery มีสินค้าจากผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์ และกำลังจะมีการเพิ่มสินค้าจากทางวี ฟาร์ม ในพื้นที่จัดจำหน่วย เช่น กลุ่มสินค้า Plant-Based Whole Veggie Bites และ Plant-Based Classic Thai Tastes Series  ทั้งนี้ ทุกการให้บริการของ alt.Eatery มาจากความพิถีพิถันและเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อไลฟ์สไตล์ใหม่ของทุกคน สามารถพบกับทางเลือกที่ดีสำหรับอนาคตได้ที่ alt. Eatery ทุกวัน

related