svasdssvasds

แนะ 5 เทคนิค เปลี่ยนร้านค้าธรรมดาให้กลายเป็น Smart Retail ด้วย AI CCTV

แนะ 5 เทคนิค เปลี่ยนร้านค้าธรรมดาให้กลายเป็น Smart Retail ด้วย AI CCTV

ในยุคที่เรียกว่า IoT หรือ Internet of Things นั้น เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตไปแทบจะทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งการค้าขาย ทำธุรกิจต่างๆ ที่สามารถควบคุมเชื่อมโยงทุกอย่างได้ด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

ผู้ประกอบการยุคใหม่หลายรายจึงต้องปรับตัวใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Smart Home, Smart Device หรือแม้กระทั่ง Smart Retail ในกิจการค้าปลีกยุคใหม่

สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการงานด้านต่างๆ ให้รวดเร็วและช่วยเพิ่มประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการได้อย่างมาก วันนี้เรามีสาระดีๆ เกี่ยวกับ AI CCTV มาฝากทุกคนกัน กับ 5 เทคนิค เปลี่ยนร้านค้าธรรมดาให้กลายเป็น Smart Retail

พาทำความรู้จักกับ Smart Retail

Smart Retail หรือ ระบบค้าปลีกอัจฉริยะ คือการนำเทคโนโลยี AI CCTV อัจฉริยะมาใช้ในการช่วยขายสินค้าและงานบริการด้านต่างๆ ที่มี Features ตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมสถิติ วิเคราะห์ข้อมูล  หรือจะเป็นระบบป้องกันเบื้องต้นจากการแสกนใบหน้า เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตรวดเร็วมากขึ้นแถมยังเป็นการสร้างประสบการณ์ในการซื้อ-ขายแบบใหม่ในวงการธุรกิจค้าขายด้วย ซึ่ง Samart Retail จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมการขายสินค้าระหว่างโลก Offline สู่โลก Online ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบร้านค้า ที่สำคัญ Smart Retail  ยังสามารถทำการเช็กรายการสินค้า  รวมถึงยังสามารถลดการใช้แรงงานคน ทำให้ลดเวลาในการทำงานและประหยัดต้นทุนในกิจการได้อย่างมาก

 

AI CCTV Smart Retail ทำอะไรได้บ้าง

1. ระบบจดจำใบหน้า 

ความสามารถหลักของ AI CCTV คือ Face recognition หรือการจดจำใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่ สมาชิกเดิม หรือลูกค้าระดับ VIP ซึ่งโดยส่วนมากแล้วพนักงานขาย 1 คน อาจสามารถจำหน้าลูกค้าได้มากสุดเพียง 20-30 คนเท่านั้น และเมื่อมีการเปลี่ยนพนักงาน พนักงานใหม่ที่เข้ามาจำเป็นต้องเริ่มทำความรู้จักและเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าใหม่ทั้งหมด นับเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลาและอาศัยการเรียนรู้และการจดจำอย่างมาก

แต่สำหรับ AI CCTV นี้ สามารถเข้าถึงข้อมูลและจดจำรายละเอียดลูกค้าได้มากกว่าหลักหลายพันคน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า พฤติกรรมการบริโภค ประวัติการซื้อสินค้าและบริการ และเมื่อลูกค้าเข้ามาถึงร้าน AI อัจฉริยะนี้จะแจ้งเตือนไปยังพนักงานขายทันที พร้อมแจ้งประวัติข้อมูลการซื้อสินค้าและการใช้บริการของแต่ละบุคคล ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เช่น Line หรืออุปกรณ์ IoT ต่างๆ ไม่ว่าพนักงานจะเป็นพนักงานเดิมหรือเป็นพนักงานใหม่ ก็หมดกังวลกับปัญหาด้านการบริการ ระบบนี้ถือเป็นเครื่องมือช่วยยกระดับการให้บริการอย่างมาก และยังเพิ่มโอกาสในการปิดยอดขายให้มากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถจดจำใบหน้าผู้ต้องสงสัยที่บันทึกไว้ในระบบ เพื่อป้องกันกรณีการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการขโมยหรือโจรกรรม เป็นต้น

2. ระบบตรวจสอบความหนาแน่นของพื้นที่ 

นอกจากความสามารถในการจดจำใบหน้าแล้ว AI CCTV ยังสามารถนับจำนวนคนและตรวจสอบความหนาแน่นของพื้นที่ในแต่ละช่วงเวลาได้ แถมยังแยกบันทึก Watchlist ตามกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการ ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาแฟลชเซลล์ และในช่วงเวลาปกติ AI อัจฉริยะจะทำการบันทึกและวิเคราะห์จำนวนลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบร้านค้าปลีก ที่สามารถนำเอา analytical data นี้ไปใช้ประโยชน์ในด้านการปรับราคาสินค้าและกำหนดราคาสินค้าและบริการได้ เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงภาพเหตุการณ์ทั่วไปได้แบบเรียลไทม์ ที่เป็นหน้าที่ทั่วไปของกล้อง CCTV

3. ระบบสั่งการอุปกรณ์อัตโนมัติ

ระบบ Smart Retail ด้วย AI CCTV มี API หรือ Application Program Interface ที่สามารถสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน มือถือสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อไว้ ให้ทำงานได้อัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องเซ็ตผ่านระบบโดยตรง ช่วยย่นระยะเวลาและขั้นตอนในการทำงานได้ เช่น เวลาในการเปิด-ปิดประตู เปิด-ปิดไฟ หรือเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

4. ระบบตรวจหน้าร้านและระบบการจัดคิวลูกค้า

นอกจากนี้ AI CCTV ยังสามารถช่วยตรวจเช็กจำนวนลูกค้าหน้าร้าน รวมถึงการจัดเรียงคิวหน้าเคาน์เตอร์เช็กบิล พร้อมกับระบบแจ้งเตือนเมื่อมีลูกค้าต่อคิวเพื่อชำระสินค้าได้ เช่น ในกรณีที่มีลูกค้าใหม่เข้ามาชำระสินค้าหน้าเคาน์เตอร์ AI อัจฉริยะจะทำการแจ้งเตือนให้พนักงานมาเปิดเคาน์เตอร์เพื่อทำการคิดเงิน หรือในช่วงเวลาที่มีลูกค้าต่อคิวชำระสินค้าจำนวนมาก AI อัจฉริยะจะทำการตรวจเช็กระบบคิวว่ามีความยาวแถวเกินกำหนดหรือไม่ หากแถวมีความยาวเกินกำหนด AI จะแจ้งเตือนไปยังพนักงาน เพื่อให้ระบบหน้าร้านดำเนินการไปอย่างราบรื่น ซึ่งนอกเหนือจากช่วงเวลาดังกล่าว พนักงานยังสามารถใช้เวลาจัดการกับระบบหลังร้านได้ ไม่จำเป็นต้องให้พนักงานเฝ้าหน้าเคาน์เตอร์นั่นเอง

5. ทดแทนการทำงานของคน ลดต้นทุนร้านค้า

การเปลี่ยนร้านค้าให้เป็น Smart Retail ด้วย AI CCTV สามารถช่วยลดหน้าที่การทำงานของคน ทดแทนการทำงานของ supervisor รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานได้ เนื่องจาก Smart Retail มีระบบที่ช่วยพัฒนาออกแบบด้านการบริการและวางแผนการตลาด แถมยังลดภาระงานในส่วนหน้าที่ที่พนักงานไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการ แถมยังช่วยลดต้นทุนของร้านค้าลงได้อย่างชัดเจน

ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน AI ถูกใช้ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม องค์กร และร้านค้าอย่างแพร่หลาย ซึ่งการเปลี่ยนธุรกิจร้านค้าเป็น Smart Retail ด้วย AI CCTV นั้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ ช่วยขับเคลื่อนงานบริการ และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงได้อย่างเห็นได้ชัดเจน ใครสนใจ AI Solution ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างคุ้มค่า สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ dIA ผู้นำด้านเทคโนโลยี  AI computer vision, Video Content Analytics และ RPA (Robot Process Automation) ที่มาพร้อมกับ Solution ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้งองค์กร บริษัท ร้านค้าขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ พร้อมช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าจนมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล

related