Grab มุ่งเน้นกลยุทธ์ธุรกิจที่ยั่งยืนผ่านการใช้พลังงานทดแทน 100% ขยายการใช้รถไฟฟ้า (EV) ในระบบขนส่ง พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในการลดคาร์บอนและพลาสติก
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแกร็บ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” จัดโดย”ฐานเศรษฐกิจ” ภายใต้หัวข้อ “Green Initiatives for a Sustainable future” ว่า Grab ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผ่านกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยี, การขยายการใช้รถ EV, การใช้พลังงานทดแทนในสำนักงาน และการสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยคาร์บอนและพลาสติก ผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างโลกที่ดีขึ้น โดยเป้าหมายหลักของ Grab คือการสร้างระบบอีโคซิสเต็มที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจตามหลัก Performance, People, และ Planet โดยมุ่งมั่นให้ทั้งคนขับ, ร้านค้า, และผู้ใช้บริการเติบโตไปพร้อมกับบริษัทในปี 2567 ที่ผ่านมา Grab ประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยคาร์บอนถึง 128,000 ตันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากการใช้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างการใช้รถไฟฟ้า (EV) และการดำเนินงานที่มีการลดการใช้พลังงานฟอสซิลในทุกๆ ส่วนของธุรกิจ
Grab มุ่งขยายการใช้รถ EV เพื่อการขนส่งในภูมิภาค โดยได้จับมือร่วมกับ BYD วางแผนส่งมอบรถ EVจำนวน 50,000 คันให้กับคนขับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โดยการใช้รถไฟฟ้านั้นไม่เพียงแต่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังทำให้คนขับ Grab สามารถประหยัดพลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงานได้มากขึ้น
สำหรับคนขับ Grab ที่ใช้รถ EV Grab ยังมีการสนับสนุนในด้านการบำรุงรักษารถและเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกขึ้น เช่น การติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับคนขับในรถ EV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
หนึ่งในโครงการที่ Grab เปิดตัวคือบริการเช่ารถไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า โดยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเริ่มต้นที่ 138 บาทต่อวัน และแพ็กเกจนี้รวมถึงบริการสลับแบตเตอรี่ที่ไม่จำกัดตลอด 24 ชั่วโมง และการสนับสนุนจาก Grab ในด้านการบำรุงรักษาและประกันภัย
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Grab เปิดให้บริการเช่าในราคาเริ่มต้นที่ 880 บาทต่อวัน โดยมีประกันภัยและบริการด้านการบำรุงรักษา รวมถึงรถสำรองในกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
อีกทั้ง Grab ยังเปิดตัวโปรแกรม "Drive-to-Own" ร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เช่น SUSCO และ CL AND V GROUP ซึ่งจะช่วยให้คนขับสามารถเช่ารถไฟฟ้าเพื่อเป็นเจ้าของได้ในระยะยาว โดยเริ่มต้น 950 บาทต่อวัน โดยไม่มีเงินดาวน์ และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 8 ปี พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 600,000 กิโลเมตร
Grab มุ่งเน้นการใช้พลังงานทดแทน 100% ในสำนักงานทั่วภูมิภาค ผ่านการใช้ Renewable Energy Certificates (RECs) จากพลังงาน แสงอาทิตย์ ลม และ พลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายพลังงานสะอาดของแต่ละประเทศ
ในประเทศไทย Grab มีสำนักงานในกรุงเทพและเชียงใหม่ ที่ใช้พลังงานทดแทน 100% โดย Grab ยังได้รับการสนับสนุนจาก Renewable Energy Certificate (REG) เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Grab ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งและการดำเนินธุรกิจ โดยมีการใช้ AI เพื่อพัฒนาโครงสร้างการให้บริการให้มีความยั่งยืนมากขึ้น รวมถึงตัวเลือกฟีเจอร์แบบ "Carbon Offset" ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถบริจาคเพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทาง
Grab ยังมีการสนับสนุนให้ผู้บริโภคใช้ฟีเจอร์ "Green Programme Donation" โดยการบริจาคเริ่มต้นที่ 1-2 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการมากขึ้นในปี 2567 ด้วยจำนวนออเดอร์ที่เลือกใช้ฟีเจอร์นี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% จากปี 2566
Grab สนับสนุนให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้พลาสติกและคาร์บอน เช่น บริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) หรือ การจัดส่งอาหารหรือการเดินทางแบบประหยัด (SAVER)
ในปี 2567 Grab สามารถงดรับช้อนส้อมพลาสติกและหลอดเกือบพันล้านชิ้น ทั่วภูมิภาค และยังมีการปลูกต้นไม้มากกว่า 360,000 ต้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากการบริจาคจากผู้ใช้บริการที่เลือกใช้ฟีเจอร์ Carbon Offset
Grab มีแผนที่จะขยายการให้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 Grab มุ่งขยายการใช้รถ EV และการใช้พลังงานทดแทนในสำนักงานมากขึ้นในแต่ละประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการขยายการใช้รถไฟฟ้ารวมถึงการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในธุรกิจ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของ Grab ในการเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว