SHORT CUT
กรมชลฯ ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำสำคัญทั่วประเทศ พร้อมเตรียมรับมือ พายุ "วิภา" โดยกำชับโครงการชลประทานทั่วประเทศให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามปริมาณฝนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 13 กรกฎาคม 2568 โดยกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าปริมาณฝนทั่วประเทศสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 16 (ค่าปกติประมาณ 652 มิลลิเมตร(มม.) ขณะที่ฝนปีนี้อยู่ที่ประมาณ 756.5 มม.)
สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (22 กรกฎาคม 2568) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 45,274 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯรวมกัน ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อย่างเพียงพอในช่วงฤดูฝนนี้
เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,172 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน)
ทางด้านเขื่อนเจ้าพระยา ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได เพื่อรองรับมวลน้ำเหนือที่กำลังไหลลงมาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนที่ตกในพื้นที่ตอนล่าง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้เฝ้าระวังและติดตามปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำสำคัญทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ภาคเหนือ ได้แก่ ลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ชี และมูลภาคกลาง ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับน้ำฝนและป้องกันผลกระทบจากพายุที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำและเขตชุมชนริมแม่น้ำสายต่างๆ
ในส่วนของพายุ “วิภา” กรมชลประทาน ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศ
โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือ มีแนวโน้มเกิดฝนตกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น
โดยการกำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ของ กนช. อย่างเคร่งครัด ได้แก่
จัดเตรียมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ช่วยเหลือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด รถแบคโฮ และเรือผลักดันน้ำ ประจำจุดเสี่ยงน้ำหลาก
ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที และวางแผนการช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาน้ำท่วม หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ สามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือสายด่วนกรมชลประทาน โทร. 1460 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง