
สรุปดราม่า: "หมิว" พรปวีณ์ ถอนตัวจากซีเกมส์ 2025 ชี้วิกฤตการบริหารแบดมินตันไทย เรื่องราวทั้งหมดเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรก
การตัดสินใจที่สั่นสะเทือนวงการกีฬา หมิว พรปวีณ์ ถอนตัวจากซีเกมส์ และล่าสุด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านกีฬา ได้รับทราบปัญหาและสั่งการด่วนไปยัง “นายอรรถกร ศิริลัทธยากร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เร่งเข้ามาแก้ไขโดยเร็วแล้ว.
การแข่งขันซีเกมส์ 2025 ที่กำลังจะมาถึงใน ธ.ค. ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ถูกบดบังด้วยข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมอีกครั้ง เมื่อ "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมืออันดับ 6 ของโลก และมือ 1 ของประเทศไทย ณ เวลานี้ ยื่นหนังสือขอถอนตัวจากการเป็นตัวแทนทีมชาติไทย โดยสาเหตุหลักที่เธอเปิดเผยคือ เป็นความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อระบบบริหารจัดการของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ
สิ่งที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นดราม่าวงการแบดฯ และมีคำถามซ่อนอยู่ภายใต้ความสำเร็จของวงการแบดมินตันไทย ณ เวลานี้
"หมิว" พรปวีณ์ ชี้แจงถึงปัญหาหลายด้านที่เธอเผชิญ โดยเฉพาะเรื่อง "เบี้ยเลี้ยง" ที่ถูกหักออก เพราะเธอไม่สามารถเข้ารับการ "ทดสอบสมรรถภาพทางกาย" ตามกำหนดของสมาคมฯ เนื่องจากตารางการแข่งขันอาชีพที่อัดแน่นแทบทุกสัปดาห์ ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมทีมระดับโลกอย่าง กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และ รัชนก อินทนนท์ ที่โดนหักเบี้ยเลี้ยงจนเหลือเพียง 6,000 บาทเช่นกัน
ขณะที่ “โค้ชท็อป” ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน บอกว่า นักกีฬาไม่ได้รับแจ้งกฎดังกล่าวอย่างชัดเจน และการที่นักกีฬาไม่สามารถมาทดสอบร่างกายได้ก็เพราะ "ติดภารกิจแข่งเพื่อชาติ" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการสื่อสารและการบริหารจัดการที่ขาดความยืดหยุ่น
ในบทสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หมิว พรปวีณ์ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องเบี้ยเลี้ยง แต่เธอได้ขยายประเด็นไปยังสิ่งที่เธอเรียกร้องให้สมาคมฯ ปรับปรุงอย่างเร่งด่วน นั่นคือ "โครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน"
เธอมองว่า สมาคมฯ มีความต้องการ "ผลงาน" จากนักกีฬาเยาวชนเพื่อมาทดแทนรุ่นพี่ในอนาคต แต่กลับละเลยรากฐานที่สร้างนักกีฬาเหล่านี้ขึ้นมา นั่นคือ "สโมสร"
“อยากให้สมาคมฯ มีโครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน สมาคมฯ ต้องการผลงานจากนักกีฬา ในรุ่นเยาวชนมันต้องมาจากสโมสร ถ้าไม่มีมันก็จะต่อยอดไม่ได้... สมาคมฯ ควรต้องดูแลสโมสรให้ดีที่สุด”
คำกล่าวนี้ตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำและจุดบอดในการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะการมองข้ามสโมสรขนาดเล็กที่ขาดเงินทุน ซึ่งเป็นโรงเรียนแรกในการปลุกปั้นนักกีฬาขึ้นมา
นอกจากนี้ การตัดสินใจออกจากระบบของสมาคมฯ เพื่อมาเป็นนักกีฬาอิสระก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความอึดอัดกับสภาพแวดล้อมภายใน
"หนูไม่โอเคกับการฝึกซ้อมหรือระบบการบริหารในสมาคม หนูคิดว่าหนูไม่สามารถพัฒนาได้ ถ้าหนูมีสิ่งแวดล้อมแบบนั้น"
พรปวีณ์มองว่าการฝึกซ้อมในระดับโลกต้องมีความ "เฉพาะบุคคล" ซึ่งระบบของสมาคมฯ เป็นเพียงการให้ "โปรแกรมหนึ่งแล้วเอาไปทำนะ ใครทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของนักกีฬาแล้ว" ซึ่งไม่ตอบโจทย์การพัฒนานักกีฬาอาชีพชั้นนำของโลก
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างเปิดเผย โดยระบุว่ากำลังเร่งหารือเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะ "ไม่อยากที่จะเสียบุคลากรที่ทรงคุณค่า และทำเพื่อทีมชาติมาอย่างยาวนาน" ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของ พรปวีณ์ ต่อความหวังของทีมชาติไทย
ขณะที่ อุดมศักดิ์ ชื่นครุฑ เลขาธิการสมาคมฯ เปิดเผยว่า "ตอนนี้ขอรับเรื่องทุกอย่างเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องการถอนตัวไม่เล่นซีเกมส์ ด้วยใจจริงไม่ได้อยากให้นักกีฬาถอนตัว เพราะ “หมิว” เป็นนักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย หลังจากรับเรื่องวันนี้จะเร่งปรึกษานายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กกท. และ โอลิมปิกไทย เพื่อหาทางแก้ไขเรื่องนี้อย่างรวดเร็วที่สุด
ดราม่าของหมิว พรปวีณ์ได้โยงไปถึงรอยร้าวอีกครั้งที่เกิดขึ้นในวงการแบดมินตันไทย นั่นคือกรณีก่อนหน้านี้ กรณี ดราม่าเรื่องการ "คัดตัวนักกีฬาคู่ผสม" ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ปรับเปลี่ยนกฎ" ของสมาคมฯ กลางคัน
ในเดือนธันวาคม 2024 รัชพล มรรคศศิธร ("มิกซ์") และ นัทธมน ไล้สวน ("หว่าหวา") ได้ทำตามหลักเกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ในปี 2017 ด้วยการเป็น "ผู้ชนะเลิศชิงแชมป์ประเทศไทย" ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์สำคัญอันดับแรกในการติดทีมชาติ
แต่แล้วในเดือนเมษายน 2025 สมาคมฯ ได้ประกาศ "ปรับกฎครั้งใหญ่" โดยยกให้เกณฑ์ "อันดับโลก 1-32" ขึ้นมาเป็นความสำคัญอันดับ 1 ส่วนตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยถูกลดความสำคัญลงไปเป็นอันดับ 2
การเปลี่ยนแปลงกฎอย่างฉับพลันกลางปี ทำให้ มิกซ์และหว่าหวา ซึ่งมีอันดับโลกไม่ถึงเกณฑ์ใหม่ ต้องถูกตัดสิทธิ์จากทีมชาติชุดสำคัญอย่างสุธีรมานคัพและซีเกมส์ 2025
การที่นักกีฬาที่ทำตามกฎเดิมอย่างเคร่งครัด แต่กลับถูก "แก้กฎ" เพื่อตัดสิทธิ์กลางคัน ได้สร้างความรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างรุนแรง มิกซ์ได้โพสต์ตั้งคำถามในโซเชียลมีเดียถึงความชอบธรรมในการกระทำของสมาคมฯ
แม้สมาคมฯ จะชี้แจงว่าการปรับกฎเพื่อ "ความสำเร็จของทีมแบดมินตันไทย" โดยเลือกนักกีฬาที่มีผลงานเวิลด์ทัวร์ชัดเจนกว่า แต่การปรับเปลี่ยนกฎโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยเริ่มขึ้น ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการลดทอนคุณค่าของการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานอย่างรุนแรง และทำลายขวัญกำลังใจของนักกีฬาที่พยายามสร้างผลงานตามกติกาที่เคยวางไว้
ส่วน กรณีของ หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ และดราม่าการเปลี่ยนกฎคัดตัวนักกีฬา เป็นเสมือนสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ที่กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของวงการแบดมินตันไทย
แม้ประเทศไทยจะมีนักกีฬาพรสวรรค์ระดับโลกอยู่หลายคน แต่ความสำเร็จเหล่านั้นอาจไม่ยั่งยืน หากรากฐานของการบริหารจัดการยังคงขาดความโปร่งใส ความยืดหยุ่น และความยุติธรรม การที่นักกีฬาชั้นนำตัดสินใจ "เดินออก" หรือถูก "ตัดสิทธิ์" โดยไม่ได้รับคำชี้แจงที่น่าพอใจ เป็นสิ่งที่สมาคมฯ ต้องเร่งทบทวนและแก้ไข เพื่อมิให้ดราม่าเหล่านี้บั่นทอนศักยภาพของทัพขนไก่ไทยที่กำลังจะเผชิญหน้ากับการแข่งขันระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต
ปีหน้า มีทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ที่สำคัญอย่าง เอเชียน เกมส์ 2026 ที่ญี่ปุ่น , ต้องดูกันว่า ส. แบดมินตัน จะต้องเจอกับดราม่าอะไรแบบนี้อีกหรือเปล่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาดามแป้ง ย้ำ ทีมชาติไทย ปลด "อิชิอิ" อย่างสุภาพและเป็นไปตามสัญญา
ด่วน! ทีมชาติไทย ประกาศ แยกทาง อิชิอิ : ฝ่ายเทคนิคชี้แนวทางทำทีมไม่ตรงกัน