
ปัญหาใหญ่บอลไทยคืออะไร ? ไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ 4 สมัยติด กินเวลา 8 ปี อาเซียนที่ไม่อาจข้าม เมื่อ "ช้างศึก" หลงทางในบ้านตัวเอง อยากได้ทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง
อาเซียนที่ไม่อาจข้าม: เมื่อ "ช้างศึก" หลงทางในบ้านตัวเอง และบทเรียน 8 ปีที่ยังหาคำตอบไม่พบ
ครั้งสุดท้ายที่ ทีมชาติไทย "ช้างศึก" ได้เหรียญทอง ซีเกมส์ ต้องย้อนไปเมื่อ 2017 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้น มี "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ คุมทีม
ตัดภาพมาที่วันนี้ ปี 2025 ทีมชาติไทย ที่มี อดีตนักเตะทีมชาติ อย่างโค้ชวัง ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล คุมทีมกลับพบกับ "ฟ้าผ่ากลางใจ" ที่สนามราชมังฯ
แฟนฟุตบอลไทยต้องเผชิญกับความจริงที่ขมขื่นเกินกว่าจะรับไหว ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี พลาดเหรียญทองซีเกมส์ 2025 ในฐานะเจ้าภาพอย่างน่าช็อกโลก ทั้งที่ออกนำคู่ปรับตลอดกาลอย่างเวียดนามไปก่อนถึง 2-0
นี่ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ในเกมนัดเดียว แต่มันคือการตอกย้ำถึง "ฝันร้ายพร้อมๆกับฝันสลาย" ของจ้าวอาเซียนที่คว้าเหรียญทองไม่ได้เลยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา (4 สมัยติดต่อกัน) และเป็นการเสียแชมป์คาบ้านครั้งแรกในรอบเกือบ 6 ทศวรรษ นี่ถือเป็นสถิติที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
ถือเป็นการพลาดเหรียญทองซีเกมส์ในบ้านตัวเองครั้งแรกในรอบ 58 ปี (นับจากปี 1967) สถิติการพบกัน: ทีมชาติไทย U-23 ไม่ชนะเวียดนาม U-23 ติดต่อกันเป็นนัดที่ 10 (แพ้ 6 เสมอ 4) แล้ว
ในช่วง 30 นาทีแรกของนัดชิงชนะเลิศ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจให้ไทย "เจ้ามิกซ์" ยศกร บูรพา ศูนย์หน้าดาวรุ่งพุ่งแรง ซัดฟรีคิกสุดสวยผ่านมือผู้รักษาประตูเวียดนามเข้าไป ท่ามกลางเสียงเฮที่ดังกึกก้อง มันเป็นประตูที่ชวนให้รำลึกถึงโค้ชของเขาอย่าง "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ตำนานจอมซัดฟรีคิกยุค 90
ทว่าความหอมหวานนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง "ช้างศึกซีเกมส์" กลับช็อตไปดื้อๆ หลังจากเสียประตูไล่มาเป็น 2-1 โมเมนตัมที่เคยถือไว้หลุดลอยหายไปในพริบตา เมื่อกองหลังตัวหลักอย่าง ชนภัช บัวพันธ์ บาดเจ็บจนต้องออกสนาม แผงหลังไทยก็ระสั่ำระสายจนถูกตีเสมอ และพ่ายแพ้ไปอย่างเจ็บปวด 2-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
สถิติหลังเกมเผยให้เห็นความจริงที่น่าตกใจ: ไทย U-23 ไม่สามารถเอาชนะเวียดนาม U-23 ได้เลยตลอด 10 นัดหลังสุด
เพราะ เหตุใดทีมที่ดูดีกว่าในครึ่งแรกถึงพังทลายในครึ่งหลัง ?
สมาธิที่เปราะบาง: ทันทีที่เสียโดนยิงไล่มา นักเตะไทยขาดความเยือกเย็น ซึ่งเป็นอาการปกติของฟุตบอลระดับเยาวชนที่ขาดการเตรียมความพร้อมทางจิตวิทยา
ความล้าที่ซ่อนอยู่: ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นักเตะไทยเดินเล่นขณะที่นักเตะเวียดนามยังวิ่งบีบพื้นที่ได้เหมือนช่วงต้นเกม สะท้อนถึงมาตรฐานความฟิตที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การตัดสินใจหน้างาน: โค้ชวังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการเปลี่ยนตัวที่ล่าช้าเกินไป ทำให้ไม่สามารถหยุดยั้งลูกตื้อและจิตวิญญาณนักสู้ของทัพ "ดาวทอง" ได้
หากมองให้ลึกกว่าผลการแข่งขัน ความล้มเหลวครั้งนี้คือ "กระจกเงา" ที่สะท้อนปัญหาเรื้อรังของวงการฟุตบอลไทยอีกครั้ง (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นว่าไทยกำลังติดอยู่ในกับดักที่สร้างขึ้นเอง
เราอยากก้าวข้ามอาเซียนไปสู่ระดับเอเชีย แต่เรายังบริหารจัดการทีมชาติเหมือนมือสมัครเล่น
การเตรียมทีมไม่ดีพอ : เวียดนามเก็บตัวร่วมกันนาน 2 เดือนเพื่อรายการนี้ แต่ไทยมีเวลาเตรียมทีมแบบฟูลทีมเพียง 5-7 วัน เพราะต้องรอให้นักเตะเสร็จภารกิจจากสโมสร แต่อย่างไรก็ตาม การทำทีมแบบนี้ ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ที่ทั่วโลกทำกัน เพราะจะให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเตะในระดับลีกมากกว่า , ส่วนการเข้าแคมป์ทีมชาติ ก็ต้องรีดศักยภาพให้ได้ ในเวลาจำกัด
หัวใจของความสำเร็จในการเล่นทัวร์นาเมนต์แบบนี้ ไม่ใช่แค่ให้โค้ชมาเลือกตัวแล้วลงแข่ง แต่ต้องมี “เวลา” สำหรับการซ้อมและสร้างทีม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นักเตะต้องเล่นสโมสร มาเล่นซีเกมส์ กลับไปเล่นสโมสร แล้วกลับมาทีมชาติอีก
สมาคมฯ vs สโมสร: สมาคมฟุตบอลไทย กลายเป็น "เสือกระดาษ" ที่ไม่มีอำนาจต่อรองกับสโมสรใหญ่ โปรแกรมลีกที่ทับซ้อนทำให้นักเตะต้องวิ่งรอกแข่งทั้งสองทางจนสภาพร่างกายพังทลาย
No Shortcut (ไม่มีทางลัด): ในขณะที่ชาติอื่นสร้างระบบ เยาวชนไทยกลับต้องดิ้นรนหาทางรอดกันเองโดยไม่มีแผนที่ยั่งยืน
ท่ามกลางความผิดหวัง ยังมีแสงสว่างจาก ยศกร บูรพา ดาวซัลโว 7 ประตูที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "วินัยส่วนตัว" สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง ธนกฤติ โชติเมืองปัก และ คคนะ คำยก ที่ยังมีอนาคตไกล
บทสรุปสำหรับอนาคตทีมชาติ : การปลดโค้ชวังอาจไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน ฟุตบอลไทยต้องเลิกหา "แพะรับบาป" และเริ่มหา "ทางแก้" อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการทำงานร่วมกันระหว่างสมาคมฯ และสโมสร
หากเรายังไม่เลิกคิดจะเอาชนะด้วย "ทางลัด" และ "ความฝัน" โดยไม่ลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ... อีก 2 ปีข้างหน้าที่มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพ เหรียญทองที่รอคอยก็อาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาเหมือนเช่นวันนี้