การร่างพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.ที่เอื้อให้กับ 9 กรรมการปัจจุบันอยู่ต่อไปจนครบวาระทั้งๆ ที่คุณสมบัติกรรมการส่วนใหญ่ชุดนี้ ขัดต่อคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช. ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ของ มีชัย ฤชุพันธุ์ กำหนดให้ใครขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับการออกพระราชบัญญัติเซ็ตซีโร่คณะกรรมการกกต.จนต้องมีการสรรหากันใหม่
มี
“มือที่มองเห็น” ซึ่งเป็นระดับบิ๊กในรัฐบาลเข้ามาบงการในการแปลงร่างกฎหมายที่ดีให้
เป็นร่างกฎหมายฉบับ
“อัปลักษณ์” ด้วยการตั้งพวกพ้องไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญแปรญัตติ กฎหมายนี้เพื่อให้ป.ป.ช.เป็นกลไกในการป้องกันตนเอง จนกระทั่งสภานิติบัญญัติฯที่เป็น
“ฝักถั่ว” หรือ
“สภาท็อปบูต” เห็นด้วยกับร่างกฎหมายอัปยศนี้ จนนำไปสู่การจุดพลุเรียกร้องให้นำร่างพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.ที่สภาท็อปบูต ปู้ยี้ปู้ยำ ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติของประชาชนหรือไม่
ศรีสุวรรณ จรรยา
นักร้องระดับชาติอย่าง ศรีสุวรรณ จรรยา เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำเรื่องนี้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยขู่ว่า ถ้านายกรัฐมนตรีเพิกเฉยจะไปร้องว่านายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
ทันทีที่เสียงเรียกร้องดังขึ้นเพื่อไม่ให้เรื่องร้อนไปถึงหัวหน้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้ง ประธานป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดย สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ออกมาสนับสนุนแนวคิดเรื่องการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังลดความกดดันทางการเมืองที่ถาโถมใส่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ไปสู่การคาดหวังและกดดันศาลรัฐธรรมนูญแทน
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
ความจริงต้องไปดูมูลเหตุว่าสิ่งที่ทำให้ร่างกฎหมายป.ป.ช.ออกมา
“อัปลักษณ์” ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาจากไหน ต้องพูดกันตรงนี้อย่างตรงไปตรงมาว่ามาจาก
“บิ๊กคนสำคัญ” และกรรมการบางคนที่เสพติดอำนาจ จนอยากจะอยู่ในวงจรอำนาจต่อ เรื่องของเรื่องทั้งหมดคือ
“ความไม่รู้จักพอ” ของคนไม่กี่คนที่ทำให้เกิดประเด็นนี้ขึ้นมา
ที่สำคัญสังคมไม่ค่อยไว้วางใจการทำหน้าที่ของป.ป.ช.ชุดนี้ เพราะพฤติกรรม กลายเป็น
“ผงซักฟอก” ให้กับผู้มีอำนาจมากกว่าเป็น
“องค์กรอิสระ” ที่ผู้คนคาดหวังไว้ ป.ป.ช. ชุดนี้จึงไม่มีเกราะกำบังที่สังคม จะเห็นชอบให้อยู่ต่อ ยิ่งคุณสมบัติส่อขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
แต่จริงๆ แล้ว ป.ป.ช.ชุด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ลองเอาจริงเอาจังกับการตรวจสอบการทุจริต หรือพฤติกรรมที่ส่อไปในทางรํ่ารวยผิดปกติอย่างเอาจริงเอาจังให้สังคมดู เพจ CSI LA เดินหน้าเปิดนาฬิกาหรูที่ “ลุงป้อม” ใส่แทบทุกวัน จนกระทั่งพบเรือนที่ 24 รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แต่การทำงานของป.ป.ช.อืดเหมือนเรือเกลือ ในการทำความจริงให้กระจ่าง ถามว่าอะไรติดคอ ที่ทำให้การตรวจสอบเรื่องนี้ล่าช้า ช่วยตอบให้น่ารับฟังสักหน่อย
....................
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ / หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3332 ระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค.2561
