svasdssvasds

“บิ๊กแดง” แนะดูหนัง “The Great Hack” ใช้โซเชียลสร้างความนิยมนักการเมือง

“บิ๊กแดง” แนะดูหนัง “The Great Hack” ใช้โซเชียลสร้างความนิยมนักการเมือง

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

จากกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังเขียนบทความกึ่งวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะพฤติกรรมทางการเมืองของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากการได้รับอิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ ใกล้เขียนบทความกึ่งวิทยานิพนธ์เสร็จสิ้นแล้ว โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน ประเด็นหลัก คือ อิทธิพลของโซเชี่ยลมีเดียที่มีผลต่อสังคม  เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง ซึ่งคาดว่าจะจัดทำเนื้อหาเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนสิงหาคมนี้ และจะได้นำมาเปิดเผยตามที่ได้ระบุไว้

“บิ๊กแดง” แนะดูหนัง “The Great Hack” ใช้โซเชียลสร้างความนิยมนักการเมือง

ทั้งนี้แหล่งข่าว ระบุว่า ขณะนี้ พล.อ.อภิรัชต์ กำลังติดตามดูภาพยนต์สารคดี เรื่อง The Great Hack ทาง Netflix ซึ่งเป็นเรื่องของการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจากโซเชียลมีเดียของบริษัท Cambridge Analytica (CA) และหาประโยชน์จากข้อมูลนั้นให้ฝ่ายการเมืองในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016

โดย The Great Hack นำเสนอการสืบสวนเจาะลึกบริษัท Cambridge Analytica โดยตรง เปิดโปงวิธีการใช้ข้อมูลและวิธีการใช้โซเชียลเป็นช่องทางในการควบคุมความคิดทางการเมืองของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ ก็แนะนำให้คนใกล้ชิดได้ติดตามดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวโดยมองว่ามีความใกล้เคียงกับการเมืองของไทยเช่นกัน

“บิ๊กแดง” แนะดูหนัง “The Great Hack” ใช้โซเชียลสร้างความนิยมนักการเมือง

นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังบอกอีกว่า พล.อ.อภิรัชต์ ยังให้ความสนใจความคิดทางสังคม และการเมืองของเยาวชน โดยเฉพาะความนิยมต่อกระแสของนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่ใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ โดยเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่จะรับและซึมซับข้อมูลเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัวและพรรคการเมืองจะใช้ประโยชน์จาก Big Data ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกบันทึกจากพฤติกรรมการของคนที่ใช้เฟซบุ๊ก และ กูเกิ้ล ในการค้นหาสิ่งที่สนใจ โดยนำข้อมูลเหล่านั้นไปวิเคราะห์หาวิธีการเข้าถึง

“บิ๊กแดง” แนะดูหนัง “The Great Hack” ใช้โซเชียลสร้างความนิยมนักการเมือง

ทั้งนี้เป้าหมายของฝ่ายการเมืองต้องการสร้างกระแสนิยม เพื่อสนับสนุนให้ตนเองเข้าไปมีอำนาจ หรือต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง จึงได้ใช้โซเชียลมีเดียในการรุกอย่างหนัก และหวังผลเปลี่ยนแปลงในระดับของความคิด และพฤติกรรม ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวถือเป็นบทเรียนที่ควรศึกษา และติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสร้างความขัดแย้งได้ง่าย โดยทุกฝ่ายต้องรู้เท่าทัน และรับมือกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อลดความรุนแรงและการเผชิญหน้าในประเทศของเรา

ขอบคุณภาพจาก Netflix

related