svasdssvasds

ไทยจะเจอภัยแล้งสุดในปี 2572 หลังจากนี้จะเป็นน้ำท่วมใหญ่ โปรดเตรียมตัว!

แรงขึ้นอีก! สภาพอากาศทั่วโลกถูกนักวิชาการคาดการณ์ว่า มนุษย์จะต้องเจอกับสภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้น โดยเฉพาะภัยแล้งและน้ำท่วม ไทยจะเจอภัยแล้งในรอบ 10 ปี ในปี 2567

โลกเริ่มแปรปรวนมากขึ้นอีกแล้ว ล่าสุดมีรายงานทางวิชาการออกมาเตือนว่า ปี 2023 นี้หลายประเทศทั่วโลกจะต้องเจอกับปรากฎการณ์เอลนีโญ หนักและนานที่สุด ส่งผลให้เกิดภัยแล้งและอากาศร้อนกว่าเดิม

ข้อมูลจาก NASA เผยว่า ปี 2022 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สภาพอากาศของโลกจะไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากรูปแบบภูมิอากาศที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน หรือที่เรียกว่า ENSO (El Niño Southern Oscillation) นั้นอยู่ในช่วงที่เย็นลง ในช่วงนี้เรียกว่าลานีญา น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตรจะเย็นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก

ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว จากปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปีนี้ ภัยพิบัติมากมาย เช่น คลื่นความร้อนรุนแรงในอินเดีย ยุโรป จีน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กลับกันบางพื้นที่กลับหนาวที่สุดเป็นประวัติการณ์ คลื่นลมแรง ฝนตกหนักไปจนถึงเกิดพายุจนทำหลายพื้นที่เสียหาย

ภัยแล้งรุนแรงและพายุ นี่คือสิ่งที่ไทยจะต้องเจอในอนาคต Cr. Pixarbay แต่ปีหน้า หากอุณหภูมิสูงขึ้น นั่นหมายถึงความแห้งแล้งที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่กผลผลิตพืชผลในหลายส่วนของโลกด้วย ในปี 2565 สภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลให้การเก็บเกี่ยวลดลงในจีน อินเดีย อเมริกาใต้ และยุโรป เพิ่มความไม่มั่นคงทางอาหาร สต็อกมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าปกติในปี 2566 ดังนั้นการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีอีกรอบอาจทำลายล้างได้ ส่งผลให้การขาดแคลนอาหารในประเทศส่วนใหญ่อาจทำให้เกิดความไม่สงบ ในขณะที่ราคาที่สูงขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วจะยังคงกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตค่าครองชีพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แล้วประเทศไทยจะเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสปริงนิวส์ว่า ปรากฏการณ์ลานีญามีการคาดการณ์กันว่ามีความแน่นอนสูง หลังจากเดือนมีนาคมนี้ปรากฏการณ์ลานีญาจะลดระดับลง เพราะฉะนั้นในกลางปีมันก็จะเข้าไปสู่เหตุการณ์ปกติ พอปกติเสร็จ กลางปีก็จะกลายเป็นเอลนีโญ ทีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของเรา เนื่องจากยังอยู่ในปรากฏการณ์ลานิญาอยู่ มันก็จะทำให้อากาศยังคงเย็นอยู่นะครับ อุณหภูมิก็จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของมัน เดือนมีนาคมอุณหภูมิเท่าไหร่ตรงนี้ก็จะต่ำกว่าอุณหภูมิของเค้า อากาศก็จะเย็นกว่าปกติอยู่ ปริมาณฝนในภาคใต้ก็ยังต้องระวังต่อไป

ลานีญาทำให้ฝนภาคใต้ต้องระวังไปจนถึงเดือนมีนาคม ทีนี้ในส่วนของภาคอื่น ๆ แน่นอนมันเป็นช่วงที่ไม่ได้เป็นฤดูฝนของเค้าอยู่แล้ว มันก็จะเป็นปกติก็คือไม่มีฝน ทีนี้พอผ่านกลางปีขึ้นไป การคาดการณ์ก็จะเริ่มไม่แม่นยำเพราะว่ามันเกินหกเดือน เพราะฉะนั้นเราต้องดูว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่จะกลายเป็นเอลนีโญจะทำให้ฝนเปลี่ยนไปหรือเปล่า เพราะฉะนั้นก็ต้องศึกษาตรงนี้นิดนึง ว่าช่วงฤดูฝนแล้วฝนจะเป็นยังไง

แต่ว่าอย่างไรก็ตามเนื่องจากปีที่แล้วน้ำมันเยอะ พื้นที่เกษตรในเขตชลประทานก็ไม่น่ากังวล แต่ว่ากังวลในช่วงนอกเขตชลประทานก็คือ- อีกสักประมาณสามเดือนจะมีการคาดการณ์ออกมา ก็คือช่วงฝนนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าฝนไม่ดีพื้นที่นอกชลประทานก็มีปัญหา แต่ว่าเหตุการณ์อย่างนี้มันจะแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าพอเป็นเอลนิโญปลายปีมันแรงขึ้นแบบไต่ระดับ เพราะฉะนั้นช่วงปี68 69 ก็จะเป็นช่วงแล้งละ เพราะฉะนั้นก็ต้องระวังว่าฝนที่ตกตั้งแต่ปีหน้าถึงปีถัดจะแนวโน้มมากหรือน้อยกว่าปกติ ประเด็นปัญหาก็คือการจัดการน้ำก็ต้องระมัดระวัง

แล้วในอนาคต จะเกิดสภาพอากาศสุดโต่งอะไรบ้างในประเทศไทย?

เนื่องจากอุณหภูมิของโลกมันเพิ่มขึ้นมาราว ๆ 1 – 1.5 องศาฯ หมายความว่าอุณหภูมิของโลกมันเพิ่มสูงโดยไม่มีการลด การที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี้ มันก็หมายความว่าเหตุการณ์มันจะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ขณะนี้ที่อุณหภูมิ 1.2 นี้เราจะเห็นสภาพอากาศแปรปรวนขนาดไหน เพราะฉะนั้นในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้านี้มีการคาดการณ์โดย IPCC มากกว่า 50% การเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ไป 1.5 นี้ ความแรงมันก็เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้นเราก็จะร้อนสุด ๆ เลย จะเป็นปีที่ร้อนจัดครับ ก็คือปี 2568-2569 นี้ มันก็จะร้อนแล้วก็จะแล้งตามมา

นอกจากนี้ยังมีพายุอีก เพราะจะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นมันทำให้พายุแรงขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าพวกที่อยู่ริมทะเลทั้งหลายนี้จะมีผลกระทบ ในทางกลับกัน ไม่ใช่แค่ประเทศไทยประเทศเดียวแน่ ประเทศอื่นอีก เช่น อเมริกาเจอหนาวแบบนี้ ครั้งหน้าก็อาจจะหนาวอีก พูดง่าย ๆ ว่าโลกไม่เคยเจออย่างนี้ มันเพี้ยน มันรวน

แล้วมันก็จะเจออย่างนี้บ่อยครั้ง ถ้าตรงกับลมแรง ๆ หรือเอลนีญา เค้าจะกลับมาอีกก็ 7 ปี ก็ดูรอบของเค้าด้วย แต่เรื่องของการ sanction ดังกล่าวมันเปลี่ยนไปโดยที่ไม่มีวันกลับ จะทำให้อุณหภูมิกลับไม่ได้แล้ว การเจราจากันก็ไม่มีทางกลับไปได้ การเจราจามันล้มเหลวตลอด แม้ประเทศไทยจะว่าลดได้ตามข้อตกลงปารีส แต่ประเทศไทยปล่อยไม่ถึง 1% นะ เพราะฉะนั้นมันไม่มีความหมายสำหรับโลกหรอก โลกเค้าไม่ฟังหรอก มันก็ขึ้นอยู่กับมหาอำนาจทั้งหลาย ซึ่งเหล่านี้มันมีแต่ประกาศ แต่เวลาทำมันไม่ได้ทำไง

related