SHORT CUT
"กุลสตรีไทยไม่จำเป็นต้องมีผัวเดียว" คำพูดที่ฟังดูแหวกขนบ แต่แฝงไปด้วยประสบการณ์ชีวิตของ "ส้มเช้ง สามช่า" แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เติบโตมาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ และมองเห็นอคติเพศที่กดทับชีวิตของผู้หญิง
ถ้าพูดถึงบทบาทของความเป็นแม่ "บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ" หรือ "ส้มเช้ง สามช่า" คือศิลปินอีกคนที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกสาวสองคนมาตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นเยาวชน ช่วยกันทำช่องยูทูบกับแม่ชื่อ "Somcheng3cha" จนมีผู้ติดตามกว่าห้าแสนคน
เธอเล่าให้ SPRiNG ฟังว่าเธอเติบโตมากับแม่ที่เป็นแม่ค้า เรียนรู้มาจากการใช้ชีวิตของแม่ในแต่ละวันว่า "ทุกอย่างต้องเร่งรีบ ช้า อืดอาด ไม่ทันกิน" ตอนนั้น แม่เป็นเสาหลักของบ้าน ทำงานเลี้ยงดูลูก 6 คน ขณะที่พ่อสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ทั้งหมดมันทำให้เธอกลายมาเป็นผู้หญิงที่กล้าพูด กล้าทำ แหกขนบความเป็นหญิงไทยในสมัยก่อน เธอซึมซับชีวิตแม่ค้ามาตลอด มันสอนให้เธอกล้า เพราะถ้าอายก็อด ไม่มีกิน แต่ยังยึดว่าสิ่งที่เธอพูดหรือทำนั้นต้องถูกกาลเทศะ
"ทุกวันแม่จะตื่นตีสี่คว้ากระบุงตะกร้าเตรียมข้าวของไปนั่งรอรถเพื่อตลาด ซื้อกระเทียม หอม น้ำตาลหาบใส่ตะกร้า ขึ้นรถไปเอาหอมกระเทียมไปแลกข้าวเปลือกตามจุดต่างๆ แล้วเอาข้าวเปลือกใส่กระบุงหาบไปขายที่โรงสี ได้เงินมาเอาไปให้ลูก กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำมืด การที่จะเป็นแม่คนได้ การที่จะมีเงินมาเลี้ยงดูลูกได้ สำหรับแม่เราเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก"
ชีวิตหลังการมีครอบครัว เธอต้องเจอปัญหากับสามี จนทำให้เธอยอมรับสภาพตรงนั้นไม่ได้ การตัดสินใจเดินออกมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคือช่วงเวลาที่ยากที่สุด เพราะต้องชั่งน้ำหนักว่าถ้าเธอเลือกที่จะเดินออกมา ลูกทั้งสองคนจะกลายเป็นเด็กกำพร้า ลูกไม่มีพ่อ แถมตัวเองและลูกก็จะกลายเป็นคนจน เพราะไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองติดตัวอะไร แต่ถ้าเรายอมอดทนอยู่ตรงนั้น พ่อมีฐานะย่อมเลี้ยงดูลูกได้ดีกว่าเรา แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเอาลูกออกมา ตอนนั้น หยก ลูกคนโตอายุยังไม่ถึงสองขวบ ส่วนคิม ลูกคนเล็กอายุประมาณ 6-7 เดือนเท่านั้น เราบอกลูกว่าแม่ขอโทษ แม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับหนู
"เราเอาความมั่นใจมาจากแม่ เราเห็นแม่เป็นผู้หญิงแกร่งที่ทำงานหนักมากเพื่อลูก ดังนั้นถ้าอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ลูกเรา เราต้องเลี้ยงได้ เลี้ยงผ่านปากเหยี่ยวปากกามาให้ดี ไม่ให้ลูกลำบาก และที่สำคัญต้องให้คนที่เราเดินจากมาเสียดาย"
ส้มเช้ง เล่าว่า สิ่งเดียวที่จะพูดกับลูกเสมอคือสัมมาคารวะ อย่างอื่นไม่เคยสอน แต่จะทำให้เห็น เช่น สงกรานต์ไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ทุกปี เวลาว่างก็จะไปทำบุญแจกทาน ข้าวสารอาหารแห้ง จนลูกพอโตขึ้นประมาณ 5 ขวบ เริ่มรู้เรื่อง เขาพูดกับเราว่า "ชอบที่แม่ทำแบบนี้จังถ้าหนูโตขึ้นไปก็จะทำแบบนี้บ้าง" มันช่วยยืนยันในสิ่งที่เราคิดว่า ต่อให้สอนแค่ไหน ถ้าเด็กไม่ซึมซับก็ไม่ซึมซับ แต่ถ้าเราทำให้เขาเห็น เขาก็จะซึมซับไปเอง เหมือนกับที่แม่เลี้ยงเรามา
ส้มเช้ง เผยว่า ลูกพูดกับเธอว่า พวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าไม่มีพ่อเลย เพราะเธอทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่อย่างเต็มที่มาตลอด ส่วนคำพูดของคนที่บอกว่า "ลูกกำพร้า" "ไม่มีพ่อ" "แม่ทำงานคนเดียว" "แม่เลี้ยงเดี่ยว" ฯลฯ คำพูดเหล่านี้ เธอมอง เห็น รับ และวางเลย อะไรที่เป็นพลังลบไม่รับไว้
"ถ้ารับพลังลบเข้ามาแล้วทุกข์ใจ มันทุกข์ใจจากเรา จากความรู้สึกเรา มันก็ส่งผลถึงลูกเรา ดังนั้นเราจะมองผ่านทุกอย่างเป็นอากาศธาตุ พลังลบไม่รับ"
ในทางกลับเธอมองเห็นว่าสังคมมักมีอคติกับผู้หญิง ต่างจากผู้ชาย เช่น กรณีที่ผู้หญิงมีสามีหลายคนก็บอกว่าเป็นวันทองสองใจบ้าง ดอกบ้าง แต่พอผู้ชายมีเมียหลายคน กลับมองว่าเป็นเรื่องเท่
ผู้หญิงบางคนเลิกกับสามี หรือสามีเสียชีวิต แล้วจะมีสามีใหม่ สังคมก็ไปกล่าวหาว่าร้ายเขา ทั้งที่คนนอกอาจจะไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เขาเพิ่งเลิกไปอาจจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยก็ได้ ดังนั้นการที่ผู้หญิงจะมีคนใหม่เร็วช้า มันก็เป็นเรื่องของโชคชะตาของเขา
"ผู้หญิงที่มีผัวเร็ว มีผัวสองคนจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี? ไม่ใช่ พี่อยู่มาค่อนชีวิตแล้ว มันคือชีวิตเรา เราเกิดมาหนึ่งชีวิตต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ถ้ามัวแคร์แต่สังคม แต่การใช้ชีวิตเรามันลำบากทุกขั้นตอน เราอยู่กับสามี สามีไม่ดีเลย สังคมบอกผู้หญิงควรจะต้องมีสามีเดียว ถ้าเลิกกับสามีเก่า มีสามีใหม่ ผู้หญิงสองผัว ไม่ดีเลย นั่นคือคุณแคร์สังคม แต่คุณไม่แคร์ชีวิตตัวเองเลย ความสุขอยู่ที่เรา ความทุกข์อยู่ที่เรา เราเลือกได้ เราต้องเลือกตัวเอง"
ส้มเช้งย้ำว่าตอนนี้ผู้หญิงกับผู้ชายเสมอภาคกันแล้ว ผู้หญิงบางคนเก่งกว่าผู้ชาย แต่ด้วยความที่เราติดภาพสมัยโบราณ ว่ากุลสตรีต้องเป็นยังไง ผู้หญิงไปกิ๊กกับคนอื่นโดนนินทายาว แต่ถ้าผู้ชายมีกิ๊กบอกว่าโคตรเท่ โคตรเก่ง เรามองว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะกุลสตรีไทยไม่จำเป็นต้องมีสามีเดียว คนที่มีผัวคนที่สองคนที่สาม เป็นคนดี อยู่หน้าสังคมก็มีเยอะแยะไป