คนไทยในอู่ฮั่น ชวนมองมุมกลับ ป้องกัน ระมัดระวัง ไม่ใช่รังเกียจคนจีน

จากข่าวเหตุการณ์ที่หลายประเทศกำลังตื่นตระหนก เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศจีนและระบาดไปอีกหลายประเทศ ซึ่งได้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนแล้ว อีกทั้งที่ผ่านๆมายังได้มีข่าวจากหลายๆที่ ที่มีทั้งข่าวปลอมและข่าวจริง ทั้งนี้อยากให้เสพข่าวกันอย่างมีสติ ล่าสุดได้มีคนไทยในเมือง อู่ฮั่น ใช้ชื่อในเฟซบุ๊ก Sirichai Chaimunkong ได้ออกมาโพสต์ในอีกมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า...

“ป้องกัน ระมัดระวัง ไม่ใช่รังเกียจ”

.......เนื่องจากเสพข่าวมามากมายนับไม่ถ้วน เพราะวันๆ ไม่รู้จะทำอะไร จะออกไปข้างนอกก็กลัว ช่วงแรกๆ ห่วงมากเลย พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในไทย ว่าจะเป็นไงบ้าง เพราะเรายังไม่รู้ไง มาตรการการป้องกันของไทยจะเข้มข้นแค่ไหน แต่สองสามวันที่ผ่านมานี้ คนไทยตื่นตระหนกกับโรคระบาดชนิดนี้มาก (แต่บางครั้งตื่นตระหนกมากเกินไปหน่อย) หลายๆ แหล่งให้ข้อมูล ออกมาแจ้งวิธีป้องกันและระมัดระวังก็มากมาย อยากให้ทุกคนทำตามนะ แต่การที่จะให้ไปรังเกียจ นทท. จีนเลยนั้นมันไม่ถูกต้อง ทุกคนที่ไปเที่ยวไม่ใช่คนอู่ฮั่นทั้งหมดเสียหน่อย ถึงเป็นชาวอู่ฮั่นก็ไม่ควรรังเกียจเดียดฉันพวกเขาขนาดนั้น เอาจริงๆ ไม่มีใครอยากจะเป็นหรอก ไอ่โรคบ้าเนี่ย ถ้าเรากลัวที่จะติดโรค เราก็หลีกเลี่ยงสิ “หลีกเลี่ยงไม่ใช่หนี”

.......ทุกคนครับ เราป้องกันได้ ใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ อย่าสัมผัสกันโดยตรง โอเคนะ เพื่อนเราหลายๆ คน ต้องทำงานกับคนจีนโดยตรง พวกนั้นหลีกหนีไปไหนไม่ได้เลย บางคนมีหัวหน้าเป็นคนจีน ซ้ำเป็นชาวอู่ฮั่นโดยตรงอีก อ้าวแล้วจะทำไงล่ะ? ทำไรไม่ได้น่ะสิ เซฟตัวเองกันต่อไป คุณๆ ลองคิดดูนะ ลองมองในมุมกลับกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าสมมติให้เราไปเป็นคนจีน แล้วกำลังมาเที่ยวไทย คุณมาลงสนามบินที่ไทย เดินลงมาปุ๊ป ทำไมคนไทยหลีกทางให้เราหมด เกือบจะคล้ายๆ หนีซะด้วยซ้ำ บางครั้งเราอาจนึกในใจ เฮ้ย! กูมาจากเมืองอื่นนะ เฮ้ยอั๊วไม่ได้เป็นอย่างที่พวกรื้อคิดนะ ค้างคาวก็ไม่ได้กินมา แล้วหลังจากนั้นล่ะ สภาพจิตใจจะแปรเปลี่ยนเป็นยังไงบ้าง ทัศนคติต่อคนไทยล่ะ จะเปลี่ยนไปไหม คนทุกคนรักตัวเองกันทั้งนั้นผมเข้าใจ แต่ก็อยากให้รักเพื่อนมนุษย์คนอื่นด้วยเช่นกัน ช่วยกันนะ เราอย่าให้ภาพพจน์ของคนไทยที่ดีงาม ลดน้อยถอยลงเพราะเหตุการณ์นี้เลยนะ

.......ผมคิดว่าข้อสำคัญในการที่จะทำให้คนไทยลดความตื่นตระหนกลงไปได้มากเลย คือความชัดเจนของรัฐบาลในการควบคุมโรค หลายๆ ท่าน ออกมาบอกว่าเนี่ย พวกเรากำลังทำกันอยู่แล้ว ทำกันทุกวัน จะเอาไรหนักหนา ฮ่ะ!! ผมขอยกสุภาษิตขึ้นมาประโยคหนึ่งละกัน รู้จักไหมประโยคนี้ “สิปปากว่าไม่เท่าตาเห็น” สื่อออกมาสิ กล้องน่ะมีไว้เพื่อสิ่งนี้นะครับ ถ่ายเข้าไปเลยครับ ถ่ายให้เห็นถึงการทำงานที่เข้มงวด แล้วลงเอามาสู้กับข่าวปลอม เฮ้ย!! นี่เห็นไหมเขาทำงานกันอย่างหนัก เข้มข้นมากกกก แค่ถ่าย โพสต์ ลงมาสู้พวกเฟคนิวส์ พวกเอ็งลงข่าวปลอม อย่านะๆ ข้ามีข่าวจริง อารมณ์ประมาณนี้ แต่ในส่วนตัวผมคิดว่าบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ท่านๆ คงทำงานกันจริงๆ คงทำกันอย่างหนักเสียด้วยซ้ำไป ฝ่ายทำก็ทำ ฝ่ายชี้นิ้วสั่งก็ออกมาช่วยโปรโมทการทำงานของบุคลากรที่กำลังทำหน่อย โปรโมทให้เห็นภาพจริงๆนะ หลายคนอ่าน คงสงสัยว่ามันจะช่วยได้จริงเหรอ ฮ่าๆๆ ทำไมพวกคุณเห็นภาพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลงมาแถลงข่าวอย่างจริงจังว่าจะส่งหน่วยนี้ๆ ลงไปช่วย สักพักมีภาพการลงไปทำงานจริงๆ เผยแพร่ออกมา เราคนไทยทำไง แห่ชื่นชม นี่ๆ ดูสิ เขาทำงานกันจริงจัง โหวว น่าชื่นชม นอกจากนี้มีเรื่องสร้าง รพ. ให้เสร็จภายในเวลาเท่านี้นะๆ วีดีโอการทำงานทั้งวันทั้งคืนของพวกเขาก็ถูกเผยแพร่ออกมา มันทำให้คนเห็นเชื่อมั่นและเชื่อใจ เห็นมั้ย! มันอยู่แค่ตรงนี้จริงๆ “ถูกโจมตีด้วยโซเชียล ก็โต้กลับด้วยโซเชียล” จบนะ

.......ตอนนี้อู่ฮั่นไวรัสมันไม่ใช่วาระของประเทศจีนอย่างเดียวแล้ว มันเกือบจะเป็นวาระของโลกไปด้วยซ้ำ มีอะไรก็ช่วยกัน อย่าผลักไสกัน อ่ออีกเรื่อง คนที่ชอบไปด่าเขา “เพราะประเทศมึงแดกกันแบบนี้น่ะสิ่ ประเทศอื่นถึงฉิบหายกันไปหมด” อะไรทำนองนี้ หยุดเถอะ มันไม่ใช่ทั้งประเทศนะ อย่าไปว่าเขาเลย คนชอบกินของแปลกมันมีอยู่ทุกพื้นที่แหละ ลองมองในด้านความความเป็นจริงบ้างนะ หรือว่าจะเถียง

......สุดท้ายนี้ ใครไม่พอใจในข้อความที่ผมพิมพ์ลงไป มาเคลียร์กันได้นะ มาหาได้เลย แล้วถ้าใครพูดว่าเธอจะรู้อะไรล่ะ เธอไม่ได้เจอกับตัว ผมขอตอบสั้นๆ ว่า “ตอนนี้ ผมยังอยู่ในอู่ฮั่นครับ” จบมั้ย!! ผมอยู่อู่ฮั่น รู้จักมั้ยเมืองอู่ฮั่น กูติดอยู่ที่นี่โว้ยยยยยย กูอยากกลับบ้านนนนนน