เบลเยี่ยม โชว์ฟอร์มเยี่ยมสมชื่อ หลังพลิกยิงแซงเฉือนเอาชนะ ญี่ปุ่นไปแบบเหลือเชื่อ 3-2 หลังโดนนำไปก่อนถึง 2-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จโดยจะไปพบกับทีมเต็งแชมป์อย่าง บราซิล
ฟุตบอลโลก 2018 เกมการแข่งขันกันที่รอสตอฟ อารีนา ในเมืองรอสตอฟ ออน ดอน ของเจ้าภาพรัสเซีย เป็นการลงเตะรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่าง เบลเยียม และ ญี่ปุ่น โดย เบลเยียม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาในฐานะแชมป์กลุ่มจี กลับมาใช้ 11 ตัวจริงที่ลงแกนหลักในสองเกมแรก ทั้ง ติโบต์ กูร์ตัวส์, เควิน เดอ บรอยน์, ดรีส์ เมอร์เทนส์, โรเมลู ลูกากู และ เอเด็น อาซาร์ รวมถึงสตาร์จอมเก๋าอย่าง แว็งซองต์ กอมปานี ส่วนทีมซามูไรบลูเป็นที่สองของกลุ่มเอช ด้วยกฎแฟร์เพลย์ เกมนี้วางผู้เล่นแกนหลักจากเกมสองนัดแรกลงกันพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นยูโตะ นางาโตโมะ, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ชินจิ คางาวะ, ทาคาชิ อินุอิ และ ยูยะ โอซาโกะ กองหน้าตัวเป้า
ครึ่งแรก ญี่ปุ่นได้ทักทายก่อนทันทีจากลูกยิงนอกกรอบของคางาวะ แต่โอกาสครั้งแรกของเกมนี้ทิศทางบอลหลุดออกหลังไปก่อนในนาทีที่ 1 จากนั้นทีมจากเอเชียกลายเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่าทีมจากยุโรปนานถึง 15 นาที ก่อนที่เบลเยียมจะเริ่มได้เข้าถึงพื้นที่สุดท้ายของญี่ปุ่นบ้าง ก่อนจะได้จบหนแรกของวิสเซล ที่ส่องไกลโดนบล็อกออกหลังในนาทีที่ 16 เวลาที่เหลือของครึ่งแรก เป็นเบลเยียมที่เริ่มจบสกอร์ได้ลุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะลูกยิงตรงกรอบหนแรกในนาทีที่ 27 ของอาซาร์ที่คาวาชิมะยังโชคดีไม่เสียประตู ส่วนญี่ปุ่นก็มีโต้จากเกมสวนกลับนาทีที่ 31 จากช็อตที่นางาโตโมะครอสบอลเข้าในกรอบถึงศีรษะอินุอิโขกติดเซฟกูร์ตัวส์ แถมช่วงนาทีที่ 44 โอซาโกะก็เกือบได้ส้มหล่นจากช็อตรับบอลพลาดของกูร์ตัวส์ ทว่าโกลเบลเยียมยังล้มตัวไปรับได้ และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลัง เป็นจังหวะผิดพลาดของแฟร์ตองเก้น ที่ดันไปตัดสินใจพลาดเกี่ยวไม่โดนบอลในช็อตที่ชิบาซากิผ่านบอลทะลุช่องให้ฮารางุจิหลุดไปยิงผ่านมือกูร์ตัวส์ ในนาทีที่ 48 จากนั้นอีก 2 นาที อาซาร์ วิ่งมายิงเน้นๆกือบพาเบลเยียมตีเสมอ ทว่าบอลดันไปชนเสา แต่แล้วนาทีที่ 52 เป็นอินุอิ ที่ได้พื้นที่ส่องไกลนอกกรอบ บอลพุ่งเข้ากรอบชนิดที่กูร์ตัวส์หมดสิทธิ์ป้องกัน ญี่ปุ่นขยับห่าง 2-0 เบลเยียมหวิดได้ประตูตีไข่แตก เมื่อลูกากูเทคตัวโหม่งจ่อๆจากลูกครอสของเมอนิเยร์ แต่ทิศทางลูกพุ่งหลุดเสา ในนาทีที่ 61 ก่อนที่ความพยายามจะมาประสบความสำเร็จ เมื่อแฟร์ตองเกนโขกบอลจากการผ่านให้ของเฟลไลนี บอลย้อยผ่านมือคาวาชิมะเข้าประตูในนาทีที่ 70
แต่อีก 4 นาที ถัดมากลายเป็นปีศาจแดงแห่งยุโรปตามตีเสมอ 2-2 เมื่อเฟลไลนีเทกตัวโขกบอลตุงตาข่ายชนิดที่ เอจิ คาวาชิมะ หมดสิทธิ์ป้องกัน นาทีที่ 85 คาวาชิมะโชว์เซฟสองจังหวะสำคัญ จากลูกโขกสองหนของชาดลีและลูกากู ช่วย ซามูไรบลู ไม่เสียประตู ส่วนช่วงทดเจ็บ วิตเซลเกือบสกัดผิดเหลี่ยม แต่กูร์ตัวส์ยังลอยมาปัดออกหลังได้ รวมถึงลูกยิงฟรีคิกของฮอนดะที่บอลเกือบพุ่งเข้าประตู แต่ก็โดนปฏิเสธ จากนั้นนาทีที่ 90+4 เป็นชาดลีบวกประตูชัย 3-2 ส่งเบลเยียมเฉือนญี่ปุนพร้อมทะลุสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ บราซิล