svasdssvasds

5 วิธี ป้องกัน "โรคหลอดลมอักเสบ" ต้นเหตุอาการไอเรื้อรัง

5 วิธี ป้องกัน "โรคหลอดลมอักเสบ" ต้นเหตุอาการไอเรื้อรัง

รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ แนะประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสัมผัสฝุ่นควัน มลพิษ และอากาศเย็นเป็นเวลานานป้องกันโรคหลอดลมอักเสบที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง เพื่ออนามัยที่ดีลดเสี่ยงปัญหาสุขภาพ

โรคหลอดลมอักเสบ

เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ซึ่งเป็นท่อที่นำลมหรืออากาศหายใจเข้าสู่ปอด เมื่อเยื่อบุหลอดลมบวมมีเสมหะส่งผลให้อากาศไหลผ่านหลอดลมเข้าปอดได้ไม่ดี หายใจลำบาก ทำให้เกิดอาการไอ ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ และอาจมีอาการอื่นๆคล้ายโรคหวัดร่วมด้วย เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ต่ำ

อาการของโรคหลอดลมอักเสบ

มักหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่อาการไอแห้งอาจเป็นได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน

โรคหลอดลมอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด 

1.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ โดยจะมีอาการ ไม่เกิน 3 สัปดาห์ ส่วนมากเป็นภายหลังไข้หวัดที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี ทำให้เชื้อลามลงไปถึงหลอดลม

2.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดจากการไอเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี สาเหตุมาจาก ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรังจากการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานาน และการสัมผัสกับมลภาวะเป็นระยะเวลานาน เช่น ฝุ่น ควัน

โรคหลอดลมอักเสบ ป้องกันได้หลายวิธี

1.พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ

2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควัน ฝุ่น สารเคมี หรือสารระคายเคืองต่างๆ

3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศเย็น และอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากทำให้ร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง และกระตุ้นเยื่อบุหลอดลมให้อักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการไอมากยิ่งขึ้น

4.ควรให้ความอบอุ่นร่างกายขณะนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เช่น การห่มผ้าหรือสวมเสื้อผ้าหนาๆ

5.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทั้งนี้ควรดูแลรักษาสุขภาพและรับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและมีอนามัยที่ดีอยู่เสมอ

หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกเวลาไอ ไอมากจนรบกวนการรับประทานอาหารหรือการนอนหลับพักผ่อนควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป