svasdssvasds

ผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อินเดีย 15 ราย อาการไม่รุนแรง แอสตร้าฯ ยังป้องกันได้

ผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อินเดีย 15 ราย อาการไม่รุนแรง แอสตร้าฯ ยังป้องกันได้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยว่าการพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดีย ในแคมป์ก่อสร้างหลักสี่ 15 ราย มีการค้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในประเทศไทย หรือ B.1.617.2

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์

โดยสายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาจากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ค้นพบที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งสายพันธุ์ที่ทั่วโลกพูดถึงและจับตาดูอยู่ ประกอบด้วยสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ โดยเป็นสายพันธุ์ที่ประเทศไทย มีการถอดรหัสพันธุกรรมและรวบรวมข้อมูล รวมถึงใช้หลักระบาดวิทยามาอ้างอิง ทั้งนี้สายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์อังกฤษ การแพร่กระจายเชื้อเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ประเทศจีน

นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนสายพันธุ์อินเดียมีการค้นพบในหลายประเทศ โดยประเทศที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมและค้นพบมากที่สุด นั่นคือ ประเทศอังกฤษ รวมทั้ง ประเทศมาเลเซีย และล่าสุดที่มีการระบาดที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ ข้อมูลล่าสุดพบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย ขณะที่ เมียนมาและกัมพูชา ยังมีข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมที่ค่อนข้างจำกัด แต่ก็เชื่อได้ว่าอาจจะมีสายพันธุ์อินเดียอยู่แล้วเหมือนกัน ดังนั้น ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะพบสายพันธุ์อินเดียหลุดรอดเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทยได้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบการแพร่ระบาดที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ และได้มีการนำตัวอย่าง 61 ตัวอย่าง ไปตรวจหาสายพันธุ์ พบว่า เป็นสายพันธุ์ที่ตรงกับสายพันธุ์อินเดียอยู่ 15 ตัวอย่าง หรือ 15 คน โดยเป็นเพศชาย 7 คน เพศหญิง 8 คน อายุเฉลี่ย 46 ปี ทั้ง 15 คนขณะนี้ส่วนใหญ่อาการเล็กน้อย ไม่รุนแรง   ยังรักษาอยู่ในรพ. โดยในจำนวน 15 ตัวอย่างนี้ พบว่าเป็นคนงานที่อยู่ในแคมป์ก่อสร้าง 12 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านกับคนในแคมป์คนงาน โดยจะมีการสอบสวนควบคุมโรคและติดตามผู้สัมผัสต่อไป

วัคซีนโควิด-19

มีข้อมูลจากประเทศอังกฤษ Public Health England พบว่า สายพันธุ์นี้ การแพร่กระจายไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อินเดีย แปลว่า สายพันธุ์อังกฤษกับสายพันธุ์อินเดีย การแพร่กระจายเชื้อไม่แตกต่างกัน ส่วนความรุนแรงของโรคยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์อินเดียมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ และเรื่องการดื้อวัคซีนพบว่า สายพันธุ์อินเดียยังไม่ดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะยี่ห้อหลักที่ประเทศไทยนำเข้ามาใช้อยู่ คือ แอสตร้าเซนเนก้ายังสามารถป้องกันสายพันธุ์อินเดียและอังกฤษได้ โดยเห็นได้ว่าที่ประเทศอังกฤษมีการใช้แอสตร้าเซนเนก้า ปรากฎว่าการระบาดลดน้อยลง

ส่วนเรื่องแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 นั้น จะเริ่มในเดือน มิ.ย.64 โดยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนหลัก ร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ที่กำลังจัดหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมและได้กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งหมด 2.6 ล้านโดส และมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.5 ล้านเข็ม ซึ่งเป็นเป็นสำรอง แต่เมื่อมีการดำเนินการตามแผนหลักในเดือน มิ.ย.จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า