svasdssvasds

ฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร ตอบข้อสงสัย ทำแล้วมีประจำเดือนหรือไม่?

ฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร ตอบข้อสงสัย ทำแล้วมีประจำเดือนหรือไม่?

ฝังยาคุมกำเนิดที่แขน มีประจำเดือน? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยอยู่ในขณะนี้ จากเหตุการณ์การเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ที่ผลัดตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

ล่าสุดในรายการ คุยแซ่บShow มีเหล่าเพื่อนดารามาร่วมรายการ โดย โม อมีนา กล่าวถึงเรื่องการ ฝังยาคุมกำเนิด ของแตงโม นิดา ตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้ว่าการฝังยาคุมกำเนิดคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และคำถามสำคัญเลย ทำแล้วมีประจำเดือนหรือไม่?

ฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร ตอบข้อสงสัย ทำแล้วมีประจำเดือนหรือไม่?

การฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร?

Contraceptive Implant หรือการฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง ลักษณะของยาฝังคุมกำเนิดจะมีลักษณะนิ่ม ยืดหยุ่น หลอดไม่สลายตัว ฝังที่ต้นแขนด้านในข้างที่ไม่ถนัด ภายในหลอดบรรจุฮอร์โมน Progestin เมื่อฝังแล้วจะค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย จะช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3-5 ปี ก็แล้งแต่ชนิดของยา และเมื่อครบกำหนดแล้วต้องถอดหลอดยาออก

การทำงานของยาฝังคุมกำเนิด

เมื่อฝังยาคุมกำเนิดแล้วฮอร์โมนโปรเจสตินจะค่อย ๆ ปล่อยออกมาจากหลอดยาเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนาและไม่เกิดการตกไข่ เมื่อไม่เกิดการตกไข่ที่พร้อมปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิ ก็จะไม่สามารถเกิดการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ฮอร์โมน Progestin ที่ปล่อยออกมาทำให้เมือกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ซึ่งทำให้อสุจิผ่านเข้าไปยังมดลูกได้ยาก นอกจากนี้ฮอร์โมนยังทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

ข้อดีของการฝังยาคุมกำเนิด

-การฝังยาคุมกำเนิดจะคุมกำเนิดได้นาน และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง มีอัตราการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ต่อ 1000 ในเวลา 3 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของยา)

-ไม่ต้องกังวลการลืมรับประทานยาคุมกำเนิด

-ผู้หญิงที่ให้นมบุตรสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลลดปริมาณหรือคุณภาพของน้ำนม

-หลังจากที่แท้งบุตร ทำแท้ง คลอดบุตร หรือระหว่างที่ให้นมบุตร สามารถฝังยาคุมกำเนิดได้ทันทีและไม่เป็นอันตราย

-ยาฝังยาคุมกำเนิดไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือการมีเพศสัมพันธ์

-หากต้องการมีบุตรหรือหยุดใช้ สามารถนำออกได้ง่าย 

-ในช่วงปีแรกที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิด มีส่วนช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และช่วยให้ผู้ที่ประจำเดือนมามากมีประจำเดือนลดลง

-หลังจากถอดยาออกจะกลับสู่ภาวะเจริญพันธุ์ได้เร็วกว่าการยาฉีดคุมกำเนิด

ฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร ตอบข้อสงสัย ทำแล้วมีประจำเดือนหรือไม่?

ข้อเสียและผลข้างเคียงของการฝังยาคุมกำเนิด

-ช่วง 3-6 เดือนแรกหลังฝังยาคุมกำเนิด ประจำเดือนมักจะมาไม่สม่ำเสมอ เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หลังจากนั้นประจำเดือนจะมาห่าง หรือไม่มีประจำเดือนเลย  ซึ่งการไม่มีประจำเดือนจากการใช้ยาฝังคุมกำเนิดไม่ได้ส่งผลให้สุขภาพแย่ลง

-บางคนอาจมีประจำเดือนมากขึ้นหรือมาถี่ในช่วงปีแรกที่ฝังยาคุม

-บางคนประจำเดือนอาจมาไม่ตรงหรือมาน้อย พบว่า 1 ใน 5 ของผู้ที่ฝังยาคุมกำเนิดจะไม่มีเลือดออกมาเมื่อมีประจำเดือน

-การฝังยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันด้วยการใส่ถุงยาง

-ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ เป็นสิว น้ำหนักตัวขึ้น  เจ็บเต้านม  มีอารมณ์แปรปรวน  แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อย

ใครบ้างที่ไม่สามารถใช้การฝังยาคุมกำเนิดได้

-สงสัยว่าอาจกำลังตั้งครรภ์

-ต้องการมีรอบเดือนเป็นปกติ เพราะเมื่อใช้ยาฝังคุมกำเนิดแล้วอาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ

-พบว่ามีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนหรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์

-คนที่เป็นไมเกรน

-มีภาวะหลอดเลือดมีลิ่มเลือด

-ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดง มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง

-คนที่เป็นโรคตับ ตับแข็ง หรือมีเนื้องอกในตับ

-ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม หรือเคยเป็น

-คนเป็นเบาหวานและมีภาวะแทรกซ้อน

-ผู้มีความเสี่ยงจะเป็นโรคกระดูกพรุน

-ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบในยาคุมกำเนิด

 

Cr. แพทย์หญิงอภิรดี จิรัฐิติกาลโชติ  ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร / www.pobpad.com