svasdssvasds

รักชั่ววูบ! ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี

รักชั่ววูบ! ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรกของวัยรุ่นไม่ใช้ถุงยางอนามัยถึงร้อยละ 50 แนะ “คิดจะรัก ต้องรู้จักรับผิดชอบ” และต้องกล้าปฏิเสธหากไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันวัยรุ่นไทยมีทัศนคติและพฤติกรรมในเรื่องเพศเปลี่ยนไป วัยรุ่นเริ่มมีความรัก มีแฟน มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย บางคู่คบกันไม่นานก็มีเพศสัมพันธ์แล้ว และอาจมีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน ข้อมูลจากรายงานผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีกลุ่มนักเรียนประเทศไทย ปี 2560 ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรกของวัยรุ่นไม่ใช้ถุงยางอนามัยถึงร้อยละ 50 ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และท้องไม่พร้อม ถึงแม้ว่าจะมีทัศนคติที่เปิดกว้างเกี่ยวกับเรื่องเพศมากขึ้น แต่วัยรุ่นไม่ได้ป้องกัน เนื่องจากขาดความรู้เรื่องเพศศึกษา มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ เชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวไม่ทำให้ติดเชื้อ ไม่ทำให้ท้อง และไม่คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะฉะนั้นวัยรุ่นจึงควรเรียนรู้ถึงวิธีการป้องกันอย่างถูกวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค จึงขอเตือนวัยรุ่นว่า “คิดจะรัก ต้องรู้จักรับผิดชอบ” ตามแนวคิด “SEX รอบคอบตอบ OK : เรื่องเท่ ๆ กับรักของเรา” โดยมีประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้

1.กล้าปฏิเสธ

2.คนพกถุงยางอนามัยเป็นคนรอบคอบควรพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้เสมอ และใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

3.ถุงยางอนามัยนอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมีราคาถูกด้วย

ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยแสดงบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก สำหรับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รับบริการปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อจะได้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง หากรู้ว่าติดเชื้อจะได้เข้ารับการรักษาทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร.1663 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

related