ย้อนไทม์ไลน์คดีนายกฯ “ประยุทธ์-เศรษฐา” พบแนวโน้มศาลมักเร่งตัดสินกรณีที่มีคำสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” เร็ว แต่คดีแพทองธารคาดการณ์ว่าอาจตัดสินเร็วใน 30–45 วัน
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ที่ยื่นผ่านประธานวุฒิสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า นางสาวแพทองธาร กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชากับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
จากรายงานของฐานเศรษฐกิจ เปิดเผยว่าแม้รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” ต้องใช้เวลากี่วันในการวินิจฉัยคดี แต่หากย้อนดูการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในคดีลักษณะใกล้เคียงกัน ของ 2 อดีตนายกฯ จะพบว่า มีแนวโน้มเฉลี่ยของช่วงเวลาการตัดสินใกล้เคียงกัน
ในกรณีของ แพทองธาร ชินวัตร จุดต่างที่สำคัญคือ ศาลมีคำสั่งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ตั้งแต่ต้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คดีที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว มักมีแนวโน้มว่าจะพิจารณาและตัดสินโดยเร็ว เพื่อป้องกันการสุญญากาศของอำนาจบริหารและรักษาเสถียรภาพการเมือง
ภายใต้สถานการณ์การเมืองตึงเครียด ศาลอาจเร่งพิจารณาคดีนี้ให้เร็วที่สุด โดยอาจยึดแนวทางเดียวกับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้เวลา 37 วัน
คดีแพทองธาร หากเริ่มนับจากวันที่ศาลมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ คาดว่า เร็วที่สุดที่ศาลจะตัดสินคือ ปลายเดือนกรกฎาคม 2568 หรือ ต้น ส.ค. ช้าสุดคือไม่เกินกลางเดือน ส.ค. 2568
ที่มา : thansettakij
ข่าวที่เกี่ยวข้อง