31 สิงหาคม 1997 คือวันที่โลกได้สูญเสียบุคคลสำคัญของโลกอย่างเจ้าหญิงไดอาน่าไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ฝรั่งเศส ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้กาลเวลาจะผ่านไปแล้ว 24 ปี แต่ความเศร้าหมองหม่นยังคงเกาะกินอยู่ในใจคนทั้งโลก
31 ส.ค. 1997 : วันสูญเสีย เจ้าหญิงไดอาน่า
.
เรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่า ผู้หญิงที่เป็นบุคคลสำคัญของโลก และทรงอิทธิพลต่อโลกอย่างมากตั้งแต่ยุค 1980s - 1990s มีหลากหลายเรื่องราวให้พูดถึง อย่างไรก็ตาม วันที่ 31 ส.ค. ของทุกปีคือวันที่ ประชาชนทั่วโลกต่างน้อมใจรำลึกถึง เจ้าหญิงไดอาน่า เพราะวันนี้ เมื่อปี 1997 (พ.ศ. 2540) เป็นวันที่พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากเหตุอุบัติเหตุกลางดึก
โดยเหตุการณ์อุบัติเหตุวันนั้น รถเมอร์ซีเดส เบนซ์ S-280 ที่พระองค์ประทับอยู่ เสียหลักพุ่งชนเสากั้นเลนส์ในอุโมงค์ใต้สะพานเอลม่า ไม่ไกลจากหอไอเฟล ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้ นั่นก็เพราะบรรดาสื่อมวลชนและเหล่าปาปารัสซี่ที่ไล่ล่าติดตามถ่ายภาพของเจ้าหญิงไดอาน่า จนกระทั่งนำพาทุกอย่างไปสู่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น
.
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในเรื่องของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในยุโรป อาทิ ที่ สหราชอาณาจักรมีการปรับปรุงกฎหมาย ห้ามถ่ายภาพบุคคลในที่พักส่วนตัว หรือสถานที่ส่วนบุคคล แม้จะไม่อาจปกป้องคนมีชื่อเสียงจากความเป็นส่วนตัวได้ทั้งหมด แต่ก็แทบไม่เห็นกรณี ไล่ล่าถ่ายภาพอย่างเป็นเอาตาย แบบกรณีเจ้าหญิงไดอาน่าอีกแล้ว ณ ปี 2021
ประวัติย่อเจ้าหญิงไดอาน่า
สำหรับ เจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์ มีพระนามเดิมว่า ไดอาน่า สเปนเซอร์ ประสูติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1961 (พ.ศ. 2504) ในครอบครัวของจอห์น สเปนเซอร์ (เอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 8) กับนางฟรานเซส ชานด์ คีดด์
.
พ่อของเจ้าหญิงไดอาน่านั้นสืบเชื้อสายมาจากดยุคแห่งมอลเบอระที่ 1 เมื่อยังทรงพระเยาว์นั้น ทรงอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ กระทั่งอายุ 8 ขวบ พ่อและแม่ก็หย่าร้างกัน ทำให้เจ้าหญิงและพี่น้องทั้ง 4 คน อยู่ในความดูแลของพ่อนับแต่นั้นมา
.
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในวัยเด็กเจ้าหญิงไดอาน่า และ ทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton) นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน ทั้งคู่ได้เรียนที่เดียวกันคือ โรงเรียนสตรีเวสต์ฮีธ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนนิวสกูลแอทเวสต์ฮีธ โดย เจ้าหญิงไดอาน่า ไม่ค่อยเก่ง ในเรื่องวิชาการ แต่เรื่องกีฬา และ ดนตรี พระองค์ทรงถนัดมาก โดยเฉพาะเปียโน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มิอาจกลั้น! เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กรรแสงทรงอ่านข้อความไว้อาลัยเจ้าชายฟิลิป
Breaking News : "เจ้าชายฟิลิป" สิ้นพระชนม์ สิริพระชนมายุ99 ชันษา
งานแต่งงานแห่งศตวรรษ
.
เจ้าหญิงไดอาน่า พบรักกับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ตั้งแต่ปี 1977 ก่อนที่จะมี "งานแต่งงานแห่งศตวรรษ" ( The Wedding of the Century) เมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม 1981 ณ เวลานั้น เจ้าหญิงไดอาน่า มีอายุ 20 พรรษา
.
มีการคาดการณ์กันว่า "งานแต่งงานแห่งศตวรรษ" ของเจ้าหญิงไดอาน่ากับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มีคนรับชมพิธีนี้ทั่วโลกกว่า 750 ล้านคน และช่วงเวลาต่อจากนั้นเจ้าหญิงไดอาน่า มีโอรส 2 พระองค์คือเจ้าชายวิลเลี่ยม (Prince William) และเจ้าชายแฮร์รี่ (Prince Harry)
.
อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานาทรงแยกกันในปี 1992 (พ.ศ. 2535) และทรงหย่ากันในปี 1996 (พ.ศ.2539) เพียงปีเดียวก่อนที่เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์พระที่นั่งในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 1997 นั่นเอง
.
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยอีกว่า หลังจาก เจ้าหญิงไดอาน่า หย่าร้างแล้ว...เจ้าหญิงไดอาน่าได้ออกเดทกับ ฮัสนัต ข่าน ศัลยแพทย์หนุ่มชาวปากีสถาน และได้แนะนำให้เขารู้จักกับเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่ด้วย
.
จากนั้นไม่นาน เจ้าหญิงก็เลิกรากับฮัสนัต คล้อยหลังเพียงไม่เกินเดือน เจ้าหญิงไดอาน่าพบรักใหม่อีกครั้งกับโดดี อัลฟาแยต โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ ลูกอภิมหาเศรษฐีชาวอียิปต์ ซึ่งเสียชีวิตในวันเดียวกันกับเจ้าหญิงไดอาน่า เพราะอยู่ในรถยนต์คันเดียวกัน
1995 บทสัมภาษณ์สั่นพระราชวงค์
.
ย้อนเข็มนาฬิกากลับไปในปี 1995 ในช่วงที่ความสัมพันธ์ของเจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า กำลังระหองระแหง และอยู่ในจุดใกล้แตกหัก ณ เวลานั้น โดยทั้งสองได้แยกกันอยู่ แต่ยังไม่หย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการ
.
โดยในบทการสัมภาษณ์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ในรายการพาโนรามาในปี 1995 วันนั้น ถือเป็นประโยคที่ สั่นคลอนราชวงศ์อังกฤษและยังมีการพูดถึงอยู่ จนถึงทุกวันนี้ โดย มาร์ติน บาเชียร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ยิงคำถามว่า ทรงคิดว่านางคามิลลา พาร์กเกอร์-โบลส์ (ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาองค์ปัจจุบันของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์) คือปัจจัยที่ทำให้ชีวิตคู่ของพระองค์กับพระสวามีต้องล้มเหลวหรือไม่ ? พระองค์ทรงตอบว่า
.
"มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย" หรือ "Well, there were three of us in this marriage, so it was a bit crowded."
.
อย่างไรก็ตาม ในภายหลัง มีการตั้งคำถาม ถึงจรรยาบรรณของบีบีซีและผู้ผลิตรายการ พาโนรามาในขณะนั้น เกี่ยวกับวิธีการที่ใช้โน้มน้าวใจให้เจ้าหญิงไดอาน่า ทรงยอมประทานสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวส่วนพระองค์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหมู่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เพราะมีการเปิดเผยว่า มาร์ติน บาเชียร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี นักข่าวที่สัมภาษณ์เจ้าหญิงไดอาน่าวันนั้น ได้กล่าวอ้างเรื่องเท็จและข้อความเชิงหมิ่นประมาทเกี่ยวกับสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงหลายครั้งในระหว่างที่เข้าพบกับ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้ได้เข้าถึงเจ้าหญิงไดอาน่าได้พูดประโยคนั้นออกมา.
คุณงามความดีที่มีความหมายต่อโลก
.
ช่วงเวลาที่ เจ้าหญิงไดอาน่า มีชีวิตอยู่ เจ้าหญิงไดอาน่าทรงงานการกุศลหลายอย่าง ทั้งเรื่องวิกฤตโรคเอดส์ พระองค์ทรงจับมือกับผู้ป่วยโรคเอดส์ และพยายามอย่างหนักในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ผู้ป่วยโรคนี้ในสายตาของสังคม โดยในปี 1989 พระองค์เสด็จเดินทางไปเปิดศูนย์บริการเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ พระองค์ไม่ทรงรังเกียจที่จะสัมผัสหรือแตะต้องผู้ติดเชื้อ คิดดูว่านั่นเป็นภาพที่น่าทึ่งขนาดไหน เพราะตอนนั้นการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า เชื้อจะไม่สามารถติดต่อทางการสัมผัส
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน อาทิ ช่วยเหลือ การจัดการทุ่นระเบิดในแองโกลา การวางตัวที่ดูเป็นกันเองกับประชาชน โดยเฉพาะกับเด็กๆ การทรงงานอย่างจริงจัง นั่นทำให้เจ้าหญิงไดอาน่ากลายเป็นขวัญใจไม่เพียงแต่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นขวัญใจของคนทั้งโลกอีกด้วย
ลาก่อนดอกกุหลาบแห่งอังกฤษ
.
การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เจ้าหญิงไดอาน่า สร้างรอยน้ำตาให้กับผู้คนทั้งโลก พิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่าจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1997 (พ.ศ. 2540) ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน พร้อมกับบทเพลงจากพระสหายอย่างเซอร์เอลตัน จอห์น ที่บรรเลงเพลง "Candle in the Wind 1997" หรือ อีกชื่อหนึ่งก็คือ Goodbye England's Rose"
.
บทเพลงนี้ เป็นบทเพลง ที่เซอร์ เอลตัน จอห์นประพันธ์ดนตรีขึ้น และประพันธ์เนื้อเพลงโดย เบอร์นีย์ ทอพีน เมื่อปีค.ศ. 1973 เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่มาริลิน มอนโร นักแสดงชั้นนำของโลก ก่อนที่จะมาใช้กล่าวแทนคำอำลา เจ้าหญิงไดอาน่าอีกครั้ง โดย ในงานพระราชพิธีพระศพนั้นไม่ใช่แต่เพียงเซอร์เอลตัน จอห์นเท่านั้นที่รู้สึกเศร้าโศก หากแต่คนรอบข้างและทั้งโลกที่เสียดายต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่าด้วย
โดยเซอร์เอลตัน จอห์นได้เปลี่ยนเนื้อเพลงท่อนแรกเสียใหม่จาก "Goodbye Norma Jean" เป็น "Goodbye England's Rose" แม้ว่าทั้งคู่จะมีชีวิตที่แตกต่างกันมาก แต่ก็เหมือนกันในข้อที่ต้องทุกข์ทรมาน เพื่อ คนอื่นเช่นกัน
บทเพลง ท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงที่กินใจ ผู้ชมมากที่สุดคือท่อนที่ว่า "Your candle's burned out long before...your legend ever will...."
.
เทียนของเธอดับสิ้นนานไป แต่ตำนานของเธอจะไม่เสื่อมคลาย...แด่ เจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงอันเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งโลก
ลาก่อนดอกกุหลาบแห่งอังกฤษ
.
การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เจ้าหญิงไดอาน่า สร้างรอยน้ำตาให้กับผู้คนทั้งโลก พิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่าจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1997 (พ.ศ. 2540) ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน พร้อมกับบทเพลงจากพระสหายอย่างเซอร์เอลตัน จอห์น ที่บรรเลงเพลง "Candle in the Wind 1997" หรือ อีกชื่อหนึ่งก็คือ Goodbye England's Rose"
.
บทเพลงนี้ เป็นบทเพลง ที่เซอร์ เอลตัน จอห์นประพันธ์ดนตรีขึ้น และประพันธ์เนื้อเพลงโดย เบอร์นีย์ ทอพีน เมื่อปีค.ศ. 1973 เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่มาริลิน มอนโร นักแสดงชั้นนำของโลก ก่อนที่จะมาใช้กล่าวแทนคำอำลา เจ้าหญิงไดอาน่าอีกครั้ง โดย ในงานพระราชพิธีพระศพนั้นไม่ใช่แต่เพียงเซอร์เอลตัน จอห์นเท่านั้นที่รู้สึกเศร้าโศก หากแต่คนรอบข้างและทั้งโลกที่เสียดายต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่าด้วย
โดยเซอร์เอลตัน จอห์นได้เปลี่ยนเนื้อเพลงท่อนแรกเสียใหม่จาก "Goodbye Norma Jean" เป็น "Goodbye England's Rose" แม้ว่าทั้งคู่จะมีชีวิตที่แตกต่างกันมาก แต่ก็เหมือนกันในข้อที่ต้องทุกข์ทรมาน เพื่อ คนอื่นเช่นกัน
บทเพลง ท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงที่กินใจ ผู้ชมมากที่สุดคือท่อนที่ว่า "Your candle's burned out long before...your legend ever will...."
.
เทียนของเธอดับสิ้นนานไป แต่ตำนานของเธอจะไม่เสื่อมคลาย...แด่ เจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงอันเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งโลก