svasdssvasds

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากเมื่อเจอปัญหา ตกใจอย่างมีสติ และสำหรับยุคนี้คำว่า Safe Zone หรือทำงานประจำอย่างเดียวอาจไม่รอดอีกต่อไป จนมาสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

นี่คือข้อคิดจาก อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี อดีตจีเอ็มโรงแรมที่เจอพิษโควิด-19 สู่การรถยนต์ Audi คู่ใจตะเวนขายส้มตำจนเป็นที่รู้จักและเรียกกันว่า ร้านส้มตำอาวดี้ 

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

จากตำแหน่งงานระดับสูงในโรงแรม สู่การเปิดร้านส้มตำอาวดี้

สวัสดีครับผมไพรทูล บุญศรีปัจจุบันอายุ 43 ปีครับ เป็นเจ้าของร้านส้มตำร้านสถานีส้มตำวินเทจพัทยา หลายคนอาจจะรู้จักขับรถตะเวนขายเป็นรถ Audi ก่อนหน้านี้ ผมจบมัธยม 3 ก็เริ่มทำงานโรงแรมตลอด 25 ปีเลยก็ว่าได้ล้างห้องน้ำขัดห้องน้ำ ปูเตียงนอน ย้ายมาเป็นเด็กเสิร์ฟ มาเป็นพนักงานต้อนรับ มาเป็นหัวหน้าแผนก ถ้าเป็นจีเอ็มก็สึกว่าเซฟดี ปลอดภัยแล้วก็รู้สึกมั่นคงมาก จนอย่างที่รู้กันว่ามันหนักมากโควิดรอบที่สองก็ไปไม่ไหวจริงๆ เอาง่ายง่ายก็ตกงานน่ะครับมันไม่มีเงินประจำเข้ามาแล้วก็ต้องถอยออกมาเพื่อจะไปตั้งหลักแล้วก็หาธุรกิจตัวเอง บอกกับตัวเองว่าอยากเกษียณสักอายุ 50 ปี อีก 5 ปีก่อนจะ 60 ปี ฉันก็จะใช้ประสบการณ์ไปเป็นวิทยากรตรงนั้น ไปเป็นที่ปรึกษาตรงนี้ เพราะมันปุบปับมันก็รู้สึกชอบเพราะมันหมดไปเลยแต่ภาระเรายังอยู่ พ่อแม่เราก็ยังมี หลานก็ยังมี แล้วอีกอันนึงก็คือภาระรถกับบ้านก็ยังมี

อยู่มา 20 ปีแล้วพี่อยู่ตั้งแต่เด็กๆ ต้องตัดขาดจากสิ่งที่ผูกพันมากๆ แบบกระทันหันมันรู้สึกยังไง เหมือนอกหักไหม

อารมณ์นั้นผมลืมความอกหัก แต่มันแบบว่า เอาตรงๆ จะเอาเงินที่ไหนจ่ายเงินค่างวดรถ ค่างวดบ้าน มันมีภาระอยู่แล้วตอนนั้นกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ด้วย ค่าเทอมเดือนสุดท้ายก็ยังไม่ได้จ่าย มันเยอะนะแล้วเราต้องหาเงินให้ได้ ทำยังไงดี? ที่เจอโควิดรอบสองแล้วต้องออกจากงานประจำ ช็อกมาก แต่ช็อกแบบมันต้องมีสติ ไม่อย่างนั้นผมหลุดทุกอย่าง มันมีภาระมากกว่าที่จะต้องมานั่งฟูมฟาย

ช่วงที่ออกแรกๆ ก็ยังความเป็นหัวโขนผู้จัดการยังอยู่ แต่ก็แป๊บเดียว เพราะ background ผม มันไม่ใช่มาแบบนี้ background ผม ล่างๆ โดยที่ไม่มีอะไร คือผมเก็บขยะขายมาก่อน ผมทำงานก่อสร้างมาก่อน อยู่กับแม่อยู่แคมป์คนงานก่อสร้างสังกะสี คือความอายตรงนั้นมันไม่มี ผมอยู่ได้เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ผมได้ support ครอบครัว ผมโอเคนะ บ้านไม่มี รถไม่มี ที่นาไม่มี แต่เราหามาได้ เรื่องแค่นี้แค่ตกงานแค่นี้ ไม่ทำให้เราแย่หรอกเพราะเราหนักมาแล้วตั้งแต่เด็กๆ สู้มาเยอะแล้ว ดังนั้นคือแค่ตั้งสติแค่นั้นเองครับ

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

ผมเริ่มมองหาสิ่งที่มันจะได้เงินมากับความรู้ความสามารถของตัวเอง ก็ไปเปิดคาเฟ่ที่บางแสน 4 เดือนก็เจ๊ง ก็เลยหันมาหาอะไรที่เราถนัด อะไรที่อยู่กับเราได้ ที่มันเป็นตัวเราจริงๆ มันไม่ใช่คาเฟ่ ก็เลยลองไปหาพื้นที่ติดหาด ไปเดินขอเค้าขอเปิดเพิงหมาแหงนขายส้มตำ คนมาต่อแถวกินมาก วันที่ 2 ก็เพิ่มโต๊ะมา วันที่ 3 เพิ่มโต๊ะมากขึ้น แล้วคนก็รู้จักมากขึ้น แต่ขายได้ 2 เดือนเค้าก็ขอพื้นที่คืน ก็เลยต้องกลับมาพัทยาที่บ้านตัวเอง

 

เนื้อหาที่น่าสนใจ : 

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

วันที่เราเปิดร้านส้มตำคือเราไม่ได้คิดถึงหัวโขนการเป็นผู้บริหาร ผู้จัดการโรงแรม

มันหายไปสักพักนึงแล้ว กลับมาสู่อ๊อดธรรมดาทั่วไป ทำอะไรก็ได้อยากทำก็ทำ คิดทำก็ยังอาศัยความรู้ ประสบการณ์จากโรงแรมอยู่ครับ แบบไหนที่เรียกว่า Marketing การตลาด แบบไหนส่งเสริมการขาย โปรโมทแบบไหนเอามาทำหมดเลย แล้วมันก็โตขึ้นได้

อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่เอารถเราซึ่งมันไม่ใช่ ว่ากันตรงๆ มันไม่ใช่รถกระบะไม่ใช่รถแบบไว้สำหรับขายของมาสายส้มตำ

ดีที่มันยังมีให้ล้าง ดีที่ยังมีให้ซ่อม ดีกว่าไม่มีให้ล้างแล้วมายืนขาย เราก็เลยเปลี่ยนจากไปส่งอย่างเดียว พี่ครับผมทำขนมจีนนะวันนี้ขนมจีนน้ำยา 50 ชุดมีใครสั่งได้ก็พรีออเดอร์มาเราก็ทำ แล้วไปส่ง ฉันจะลองเอาน้ำยาขนมจีนใส่ท้ายรถ อย่างพี่สั่ง 3 จานแทนที่ผมจะทำ 3 ชุดไปให้พี่ ผมใส่หม้อขนมจีนน้ำยาเลยนะ

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

แล้วไปเสิร์ฟ?

พี่สั่งผมก็ไปถึงหน้าบ้านพี่ ผมยกหม้อลงไป ยกถาดผักลงไป เอาชามลงไปตักตรงนั้นเลย จาก 3 ชาม มันก็ได้เป็น 5 ชาม เป็น 8 ชาม แล้วคนที่เค้าผ่านมาก็เอาด้วยคุณอ๊อดทำอร่อย เราก็คิดว่ามันได้แล้วทำไมไม่เอาที่มีอยู่ใส่รถเข้าไปอีก มันก็เริ่มจัดของลงไปหาล็อกให้มันได้ใส่เข้าไป ที่นี่ก็เริ่มเป็นเรื่องเป็นราว ขายส้มตำ ขนเมนูทั้งหมดใส่รถ มันเป็นอะไรที่ช่วยผมได้มากค่างวดรถที่ค้าง ค่าบ้านที่ค้าง มันทยอยใช้ได้ มันมีเงินให้เราหมุนได้ถามว่าเราได้เยอะไหม มันได้ไม่เยอะครับ เพราะเรามีต้นทุนค่อนข้างสูง เพราะว่ามีค่าน้ำมัน ของที่ใช้ผมค่อนข้างที่จะให้เยอะ จากกำไร 10 บาทก็เหลือซัก 5 บาท 3 บาท แต่มันก็ยังถือว่าได้กำไร ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ผมไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะบอกทำไปมันจะคุ้มไหม คือว่าคุ้มตั้งแต่คิดที่จะออกเพื่อจะได้มีรายได้แล้ว 10 บาทตอนนี้ถ้าเกิดไม่ทำ 10 บาทมันก็หมดไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ หลายคนบอกดีเนอะอ๊อดปรับตัวเร็ว แต่ป่าวผมไม่ได้ปรับตัว ผมแค่ดิ้นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ให้คนที่อยู่ข้างๆ ผมอยู่รอดผมทำผมมีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าพี่หนูมาไกลจังเลย หนูอยากกิน อยากกินต้องได้กิน แม้ของหมดผมก็จะวิ่งออกไปซื้อมาทำให้ อาจเป็นเพราะเราทำงานบริการ ถามลูกค้าอร่อยไหม ลูกค้าบอกพี่อร่อยดีจังเลยมันพอแล้ว ส่วนเพิ่มเติมขึ้นมาคือก็อาจจะทำให้เราอยู่รอด ถ้าเกิดเรารอดคนเดียวมันก็จะรวย แต่มันไม่มีเพื่อนฝูง แต่ถ้าเราไปด้วยกันเรื่อยๆ วันไหนที่ล้มจะมีเพื่อน Support อย่างอ๊อดตอนนี้ที่อยู่ได้เพราะมีเพื่อน Support มันเป็นเหมือนก้างปลา เหมือนเป็นแผงใบไม้ที่มันสุขไปด้วยกัน มันเป็นการ Support มากกว่าช่วยเหลือ Support ซึ่งกันและกัน

อ๊อด - ไพรทูล บุญศรี จากจีเอ็มโรงแรมสู่เจ้าของร้านส้มตำอาวดี้

ผลตอบรับมันอาจจะแย่บ้างดีบ้างสุดท้ายผมก็บอกก็ผมทำแล้วเพราะเราใส่เต็มที่ทุกอย่าง เช่นกันที่ร้านทำไม Alert พอกลับไปบ้านหมดแรง ผมไม่เคยรู้สึกว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ ทำไมฉันไม่สุขสบายเหมือนคนอื่น ก็ไม่นะผมรู้สึกว่าผมได้เปรียบกว่าคนอื่น ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ผมมาทำอย่างนี้ผมก็มีความสุขนะ แต่ก่อนไม่อยากทำธุรกิจตัวเองเลย รู้ว่าเจ้าของธุรกิจเป็นยังไง มันไม่ได้งามอย่างที่คนอื่นเห็น อะไรที่มันจำเป็นจริงๆ มันมีอะไร ที่มันไม่จำเป็นแค่ภาพสวยงาม ก็ไม่จำเป็นเอาอย่างอื่นมาทดแทน แบบร้านบ้านๆ แต่รสชาติดีเอามาทดแทนเพราะว่าเราก็ขายความเป็นเรา ขายความจริงใจเพราะว่ามันน่าจะซื้อได้และอยู่ได้ยาวนาน

ความสุขผมว่ามันอิ่มและอยู่ได้นานผมไม่รู้เค้าเรียกผมเป็นคนประเภทไหนนะ แต่ผมมีความรู้สึกว่าต้องรอด ฉันต้องรอดในความที่ฉันต้องรอดเนี่ย ฉันต้องเอาคนข้างๆ ฉันรอดไปด้วย