"บิ๊กป้อม" พอใจการทำงาน ศูนย์ปราบอาชญากรรมฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อรับฟังการ แถลงผลการปฏิบัติ งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายรัฐบาลในรอบ 1 ปี โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.)

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า งานที่ตำรวจทำมีผลงานอีกมากมาย ครั้งนี้เป็นเรื่องการขับเคลื่อนในช่วงเวลาสั้นๆ ปัจจุบันมีอาชญากรรมเกิดขึ้นอย่างหลากหลาย มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการก่อเหตุอาชญากรรมซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศชาติ การดำเนินการของตำรวจในครั้งนี้ เป็นการล้มระบบการก่อเหตุอาชญากรรม ทำให้การฉ้อโกงเกือบสูญสิ้นไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงานในภาครัฐ ซึ่งเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยยอมรับว่าประสบความสำเร็จกว่าร้อยละ 90 อีกทั้งขอบคุณทุกคนที่บูรณาการในการทำงานร่วมกัน มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เต็มรูปแบบ จนเกิดเป็นผลงานที่น่าพอใจของประชาชนทั้ง 12 เรื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบ ทั้งการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดี ตลอดจนการเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งนำไปสู่การคืนโฉนดให้กับประชาชน รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 580,304,450 บาท

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย รัฐบาลปัจจุบันโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร พร้อมทั้งนำยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยกปัญหาความเดือดร้อนรุนแรงที่มีผลกระทบต่อประชาชน พร้อมให้ทุกภาคีเครือข่ายบูรณาการร่วมกัน อย่างเช่นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กรมป่าไม้ สถานกงศุลทุกประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาที่กระทบต่อวิถีชีวิตประชาชน อย่างเช่นหนี้นอกระบบ กลโกงต่างๆ การค้ามนุษย์ การหลอกลวงลงทุนรูปแบบเทคโนโลยีบิทคอยน์ ตลอดจนการปราบปราอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาบังคับใช้อย่างจริงจัง ทำให้สถานการณ์อาชญากรรมที่รุนแรงดีขึ้น การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตลอด 3 เดือน คืนโฉนดที่ดินคืนให้ประชาชน 5,000 โฉนด จำนวน 18,000 ไร่ เป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท

จากปัญหา 12 ประการที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประชาชนเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหา

1.ความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับแจ้ง 503 คดี ความเสียหาย 259,294,632 ล้านบาท ดำเนินการจับกุมคนร้ายที่อยู่ต่างแดน 7 ประเทศ จับผู้ต้องหาได้ 160 คน สามารถคืนเงินให้ผู้เสียหาย 119 คน รวมเป็นเงิน 24,613,671 บาท

2.ความผิดเกี่ยวกับโรแมนซ์สแกม รับแจ้ง 145 คดี ความสียหาย 82,529,494 บาท จับผู้ต้องหาได้ 58 ราย เยียวยาคืนเงินผู้เสียหาย 2,085,089 บาท

3.ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงออนไลน์ รับแจ้งผู้เสียหาย 5,000 ราย ความเสียหาย 3,000 ล้านบาท สามารถอายัดทรัพย์สินได้ 360,150,000 บาท

4.ความผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ จับกุมผู้ต้องหาได้ 503 ราย 467คดี เยียวยาคืนโฉนดที่ดิน จำนวน 5,530 ฉบับ เนื้อที่ 18,770 ไร่ มูลค่า 7,330,832,323 บาท

5.ความผิดเกี่ยวกับโอเวอร์สเตย์ ปฏิบัติการ 20 ครั้ง ตรวจค้น 3,775 จุด จับกุมได้ 1,788 ราย

6.ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การปราบปรามสื่อลามกอนาจาร ปิดกั้นเว็บไซต์ 1,151 เว็บ คดีแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ จับกุม 7 คดี ผู้ต้องหา 17 คน ช่วยเหลือผู้เสียหายได้ 53 ราย

7.ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นการพนันแข่งม้า จับกุมเจ้ามือผู้เล่น 1,664ราย สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1,700 ล้านบาท

8.การละเมิดทรัพย์สินทางปัญหาออนไลน์ จับกุมเครือข่ายพนัน 8 ครั้ง ผู้ต้องหา 76 ราย อายัดเงินในบัญชี 176 ล้านบาท ปิดกั้นเว็บพนัน 748 เว็บ

9.ความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะ ระดมจับกุม 48 ครั้ง ยึดรถ 6,457คัน จับกุมแอดมินเพจโพสชักชวน 91 เพจ

10.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ยาทรามาดอล) ตรวจค้น 1 โรงงาน ยึดยาทรามาดอล 2,920,000บาท เครื่องจักร รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท1

1.ความผิดเกี่ยวกับนอมินี จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ยึดทรัพย์ 204,894,000 บาท

12.ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป

นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศจีนได้มอบรางวัลบุคคลแห่งปีที่คนจีนชื่นชมมากที่สุด สาขาข่าวสารและการเมือง จากผลงานการทำงานในรอบปี “Thailand Headlines Person Of The Year Awards 2017-2018 ครั้งที่ 6” ว่า เป็นรางวัลที่ทำให้ตนเองรู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมากขอยืนยันว่าจะดำเนินการปฏิบัติ หน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาในประเทศไทยให้อย่างดีที่สุด จากการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวจีนมาในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนต่อปี ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนได้สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมาก