หลังมีกระแสแบน AI อย่างหนัก ทำให้แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำแห่ลงทุนซื้อช่วงเวลาโฆษณาในงานแข่งขัน Super Bowl ที่ราคา 30 วินาที มีมูลค่าสูงถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 251 ล้านบาท
ช่วงเวลาโฆษณาที่เรียกได้ว่าแพงที่สุด ที่นักการตลาดและเอเจนซีชั้นนำรู้กันดีคือ ช่วงเวลาพักครึ่งของงานแข่งซูเปอร์โบลว์ (Super Bowl) ที่เรียกว่าแต่ละช่วงเวลามีค่าใช้จ่ายในการแสดงโฆษณา ความยาว 30 วินาที อยู่ที่ ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่ความยาว 30 วินาที อยู่ที่ 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยกตัวอย่างแบรนด์รถยนต์ที่ซื้อเวลาโฆษณาในงาน Super Bowl ระยะเวลา 1 นาทีเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ผลตอบรับนั้นกลับดีมากและช่วยสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์โฆษณานั้นๆ เลย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำ สนใจที่จะสร้างคะแนนในแง่บวกจากประชาชน และเปลี่ยนแนวความคิดของผู้คนให้ยอมรับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในแง่ดีมากขึ้น
ต้องยอมรับกว่ากระแสการแบนเสียงที่ AI สร้างขึ้นของ FCC หรือ The Federal Communications Commission หน่วยงานที่ดูแลด้านการสื่อสาร ที่ออกมาต่อต้านเรื่องการใช้ AI ในการสร้างเสียงเพลง
อย่างกรณีของการใช้เทคโนโลยีนี้ปลอมแปลงเสียงของ Paul McCartney หรือใช้เสียงนักแสดงไปสร้างเสียงใหม่ใน Robocall เพื่อกรรโชกทรัพย์ ข่มขู่และหลอกลวงผู้คน ถือว่าเป็นปัญหาที่กำลังสร้างวุ่นวายอย่างมาก
แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีของบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง ไมโครซอฟท์ หรือ Google ที่ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำนี้
ไมโครซอฟท์โปรโมต Copilot โปรแกรม AI อัจฉริยะอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่าเจ้าโปรแกรมอัจฉริยะนี้ สามารถค้นพบได้ใน Window 11 และเครื่องมือครีเอทีฟมากมายที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดต่อคลิปวิดีโอ ครีเอทงานโฆษณา เล่นเกม หรือแม้แต่ช่วยสรุปบทเรียนวิชาเคมีเพื่อให้เข้าสอบได้ง่ายขึ้น
เมื่อเราอยู่ในยุคของการเซลฟี่และชอบถ่ายรูป รู้หรือไม่ว่าผู้บกพร่องทางการมองเห็น เขาก็อยากเก็บช่วงเวลาดีๆ ในการถ่ายรูปเช่นกัน แต่เขาจะทำอย่างไร
Google ชูจุดเด่นในฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Guided Frame สำหรับสมาร์ทโฟน Pixel 8 ที่มีการใช้ Google AI เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนทราบถึงเวลาและจำนวนใบหน้าที่อยู่ในเฟรม โดยมี อดัม มอร์ส ผู้กำกับซึ่งเป็นคนตาบอดมาบอกเล่าเรื่องราวนี้ด้วย
เมื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ใช้ฉากหลังเป็นการย้อนกลับไปอยู่ในยุคอดีตที่มีปัญหาการหลอกลวง ให้แจ้งความ ผสานกับการสื่อให้เห็นว่า CrowdStrike ใช้ AI เพื่อความปลอดภัยอย่างไรและการปกป้องข้อมูลสามารถทำได้เพียงปลายนิ้ว แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ปิดท้ายด้วยงานโฆษณาที่ใช้ AI เข้ามาสร้างสรรค์แนวคิดการแข่งขันกีฬาแบบเต็มที่เพื่อล้อเลียนการใช้ AI โดยบางภาพที่ปรากฏในโฆษณาชิ้นนี้จะเห็นว่ามีทั้งเบี้ยว ไม่สมจริง และไม่ใช่คนจริงๆ มาพากย์เสียงให้ดูหลอกไปที่ เพื่อสื่อว่านี่คือของปลอม ขนาดคนมันยังปลอมเลย!!
เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนุกของ Body Armor เครื่องดื่มเกลือแร่ของ Coca-Cola ที่นำการใช้ AI มาทำให้ทุกอย่างปลอมแบบสุดๆ ไปเลย ทั้งนักแสดง เครื่องดื่มในภาพไปจนถึงเสียงตะโกน ไหนๆ จะปลอมแล้วก็อย่าไปยอม มีเพียงประโยคเดียวที่งานโฆษณาชิ้นนี้ต้องการบอกคือ "โลกของกีฬาไม่ควรมีอะไรเป็นสิ่งประดิษฐ์" ก่อนจะเติมข้อความขายของที่ Body Armor ต้องการสื่อออกไปว่า "สารให้ความหวานที่แท้จริง รสชาติที่แท้จริง"
ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับ AI แต่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลจนกลายเป็นไม่กล้าใช้งานเทคโนโลยีนี้ และหลังจากที่โฆษณาเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปผลตอบรับจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามผลจากยอดขายสินค้าของแบรนด์เหล่านี้
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม