svasdssvasds

หารายได้เสริมด้วยการติดตระกร้าบน TikTok ตามสูตรของ แอ๊ม การตลาดการเตลิด

หารายได้เสริมด้วยการติดตระกร้าบน TikTok ตามสูตรของ แอ๊ม การตลาดการเตลิด

โซเชียลมีเดียยุคนี้สามารถเป็นโอกาสในการหารายได้เสริมด้วยการขายของออนไลน์ เพราะนักท่องออนไลน์จะเชื่อการบอกต่อจากเพื่อน หรือการป้ายยาจากคนในแวดวงของตัวเองมากกว่าและมีการซื้อของผ่าน TikTok

SHORT CUT

  • ครีเอเตอร์ยุคใหม่ต้องขายของเป็น สร้างโอกาสหารายได้เสริม
  • อยากขายของบน Tiktok ต้องรู้จักและเข้าใจคนดูก่อน
  • ทำคอนเทนต์ครบสูตร ภาพ-ไลฟ์-คลิป รูปแบบการขายที่ดีสุด

โซเชียลมีเดียยุคนี้สามารถเป็นโอกาสในการหารายได้เสริมด้วยการขายของออนไลน์ เพราะนักท่องออนไลน์จะเชื่อการบอกต่อจากเพื่อน หรือการป้ายยาจากคนในแวดวงของตัวเองมากกว่าและมีการซื้อของผ่าน TikTok

คุณศรัณย์ แบ่งกุศลจิต CEO & Co-founder บริษัท อัปเปอร์คัซ ครีเอทีฟ จำกัด และเจ้าของช่อง TikTok “การตลาดการเตลิด” ในเซสชัน Shoppertainment การ F ของแบบใหม่ที่มาเปลี่ยนแปลงวงการ E-commerce จากงาน ‘iCreator Camp 2024 Presented by SONY: ก้าวแรกสู่การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพ’ เล่าว่า รายได้ของครีเอเตอร์ยุคปัจจุบันนี้ มาจาก 3 ช่องทางคือ Affiliate, Brand, Product ซึ่งการทำ Affiliate มีมานานกว่าสิบปีแล้วในการขายสินค้าออนไลน์บน Amazon แต่วิธีการเพิ่งมาง่ายในยุคของ TikTok นี่เอง ดังนั้น ถ้าอยากมีรายได้บนช่องทางออนไลน์ ควรทำทั้งสามรูปแบบเลย

Tiktok ได้บัญญัติคำว่า Shoppertainment (Shopping + Entertainment) ขึ้นมา เพราะมองว่าการช้อปของครยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องมีของหรือสินค้าก็ได้ แต่ต้องรู้จักการชี้นำหรือป้ายยาให้คนที่เข้ามารับชมคอนเทนต์ผ่านช่องทางของเรา จากเดิมที่ไม่เคยรู้สึกอยากได้มาก่อนต้องกดสั่งซื้อ

จากพฤติกรรมนักช้อปผ่าน TikTok นั้น จะมาจากการที่ไม่เคยคิดอยากได้อะไรมาก่อน แค่อยากจะเข้ามาชมคอนเทนต์หรือเรื่องราวสนุกๆ ซึ่ง 90% ของที่สินค้าที่เอามาป้ายยาบน TikTok มักจะเป็นสิ่งของหรือเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นกับชีวิต แต่เห็นแล้วรู้สึกว่าอยากได้ เพราะฉะนั้น เทรนด์คำว่า Shopertainment เกิดขึ้นมาเพื่ออวยยศสินค้าก่อนค่อยเกิดความต้องการอยากซื้อขึ้นมา 

นิยามของ Shopertainment

โดยการขายของออนไลน์ยุคนี้ จะแบ่งเป็นสองอย่าง คือ Search&Buy เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee Lazada และเทรนด์ Shoppertainment จะเป็น Play&Buy อย่าง Tiktok ซึ่งคนที่อยากได้ในวินาทีนั้น ถ้าไม่มีคนตอบการขายไม่เกิด

แต่ TikTok ทำให้คนสนใจและกดซื้อได้เลยแบบไม่ต้องถามหรืออินบ็อกซ์ให้มากความ ด้วยความที่ TikTok มาทีหลังแพลตฟอร์มอื่นๆ จึงผสมทั้งสองรูปแบบการขายของทุกแพลตฟอร์มไว้ด้วยกัน

ป้ายยาด้วยคอนเทนต์แบบไหนให้คนยอมจ่าย

สำหรับการขายของออนไลน์ด้วยเทรนด์แบบ Shoppertainment นั้น อินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์ สามารถใช้วิธีสร้างคอนเทนต์ด้วย VDO+Live+Picture เพราะทั้ง 3 แนวทางนี้ จะช่วยตอกย้ำความน่าสินใจของสินค้าได้ครบวงจรมากขึ้น บางคนอาจจะเก็บส่วนลดจาก LIVE แล้วเข้าไปดูรีวิวแบบคลิปวิดีโอซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะเก็บรายละเอียดด้วยข้อมูลและภาพก่อนกดจ่ายเงิน ถือว่าจบขั้นตอน

ทั้งนี้ การทำคอนเทนต์ด้วย Short Video ก็ช่วยทำให้คนดูสนุกและยอมจ่ายเงินมากขึ้น 85% ของนักการตลาดเห็นตรงกันว่า Short Video เป็นฟอร์แมตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โอกาสทางรายได้ของเหล่าครีเอเตอร์

ดังนั้น การจะใช้แพลตฟอร์มเพื่อเน้นคอนเทนต์อะไร ครีเอเตอร์ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ทัน เพราะการมาถึงของเทรนด์ shoppertainment ทำให้เกิดพลังมหาศาล ยกตัวอย่างนักช้อป ชาวอีสานที่มีการซื้อของใน TikTok มากถึง 4,000 บาท/ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าคนยอมจ่ายกันไวขึ้น

อย่าเน้นขายอย่างเดียว ต้องให้ความรู้ด้วย

คำว่า Give before Take คืออีกหนึ่งแกนที่คนทำช่องต้องจดจำไว้ด้วยว่า เราอยู่ในแกนของการปั้นตัวตนเพื่อเป็นอินฟลูเอนเซอน์ที่มีโอกาสทางรายได้จากหลายช่องทาง

ดังนั้น เราต้องไม่เน้นขายอย่างเดียว แต่การเลือกสินค้ามารีวิวนั้นต้องให้ความรู้ ความสนุกและความจริงใจในการรีวิวด้วย จะยิ่งทำให้ลูกค้าจะอยากซื้อของคุณเอง แต่ถ้าคุณเน้นแต่ขายของคุณก็จะมีรายได้จากช่องทางเดียวคือส่วนแบ่งจากแบรนด์เท่านั้น

นอกจากนี้ เทรนด์การทำคอนเทนต์แบบ Live Commerce ก็มาแรงมากๆ หากใครเคยเข้าไปดู LIVE ของคนดังอย่างเช่น แน็ก ชาลี - กามิน หรือ อิงฟ้า วราหะ จะเป็นการขายแบบไม่ตั้งใจ ป้ายยาแบบเนียนๆ แต่คนยอมกดซื้อไวมาก 

รู้จักขาย รู้จักรวย

ทั้งนี้ ช่องทางการซื้อของใน TikTok นั้น ควรทำให้ครบทั้ง 3 ช่องทาง คือ

  1. ตะกร้าเหลือง : เป็นหน้ารวมของสินค้าที่ TikToker เปิดขาย เป็นการบอกให้รู้ว่าในร้านนั้นขายอะไรบ้าง
  2. Shop Tab : เป็นอีคอมเมิร์ซสำหรับนักช้อปในการรวมสินค้าทุกชิ้นในระบบ
  3. TikTok LIVE : การ Live Streaming ที่จะมาช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์กับผู้ชมแบบเรียลไทม์

ทั้ง 3 ช่องทางที่กล่าวมานี้ ถือว่ามีอัตราการขายที่ดีใกล้เคียงกัน เพราะค่าเฉลี่ยโอกาสในการซื้อของแต่ละช่องทางเฉลี่ยอยู่ที่ 30% ดังนั้น ยุคนี้ไม่ทำ Affiliate ก็คงไม่ได้แล้ว

ทริคเด็ดที่ต้องรู้ก่อนทำ Affiliate

  1. ต้องเข้าใจสินค้าอย่างถ่องแท้ว่าสินค้านั้นเกิดมาเพื่ออะไร สำหรับใคร และโดดเด่นอย่างไร 
  2. ต้องรู้จัก - รู้ใจ กลุ่มของคนที่เราจะขายสินค้า ว่าเค้าชอบคอนเทนต์แบบไหน และไม่ชอบแบบไหน จะได้ส่งไปให้ตรงจุด
  3. ทำชิ้นงานที่เข้าใจ painpoint ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย อย่าขายให้ตรงเกินไป ต้องมีจุดเจ็บและโอกาสใหม่ๆ
  4. ถ้ามั่นใจว่าชิ้นงานดีแล้ว คุณภาพจึ้งให้ยิงแอด 1 กรุบ อย่ากลัวยิงแอดเอาเงินเข้าสู้
  5. วัดผลและทำซ้ำตามสูตรนี้ สัก 10 ครั้ง หาสินค้าสัก 10 ตัวจะเจอฮีโร่แอดและจะขายได้ตลอดไป การขายของไม่มีทางทำครั้งเดียวแล้วสำเร็จ 

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

related