
SHORT CUT
Bitcoin สร้างประวัติการณ์ใหม่ทะลุ $125,000 หรือราว 4 ล้านบาท ท่ามกลางปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้งภาวะ Government Shutdown และแรงซื้อจากกองทุน ETF ที่กลับมาคึกคัก
Bitcoin (BTC) สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก พุ่งทะยานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) อีกครั้งในวันที่ 5 ตุลาคม
โดยราคาบิทคอยน์ ได้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ $125,000 ซึ่งนับเป็นการต้อนรับเดือนตุลาคม หรือที่รู้จักกันในวงการว่า ‘Uptober’
การปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงนี้เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการที่เกิดขึ้นพร้อมกัน จนนักวิเคราะห์บางรายขนานนามว่าเป็น “Perfect Storm” ของตลาดคริปโต
ตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญที่ผลักดันราคาในรอบนี้คือภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงและกระตุ้นให้เกิดธีมการลงทุนที่เรียกว่า ‘Debasement Trade’ โดยนักลงทุนได้โยกย้ายเงินทุนออกจากดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าถือสินทรัพย์ที่เชื่อว่าสามารถรักษามูลค่าได้ดีกว่า เช่น ทองคำ และ Bitcoin ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’
Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของธนาคาร Standard Chartered ยืนยันว่า "ภาวะ Shutdown ในครั้งนี้มีผลกระทบจริง" และคาดว่าราคา Bitcoin จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตราบใดที่รัฐบาลสหการรัฐฯ ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
อีกหนึ่งแรงหนุนที่แข็งแกร่งคือกระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่ไหลกลับเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้าสุทธิถึง 3,240 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2024
กองทุน IBIT ของ BlackRock และ FBTC ของ Fidelity ยังคงเป็นผู้นำในการดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่กลับมาอีกครั้ง
ปรากฏการณ์ ‘Uptober’ ซึ่งเป็นความเชื่อทางสถิติว่าเดือนตุลาคมมักเป็นเดือนที่ดีของ Bitcoin (ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 9 จาก 10 ปีล่าสุด) ได้ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อย
นอกจากนี้ นโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงการที่บริษัทมหาชนหลายแห่งนำ Bitcoin เข้ามาเป็นสินทรัพย์ในงบดุล (Bitcoin Treasury Strategy) ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan ได้ออกมาเตือนว่า การพุ่งขึ้นของราคาอาจเป็นผลข้างเคียงจากนโยบาย "อัดฉีดเงินชดเชย" ของรัฐบาล ซึ่งอาจสร้างความร้อนแรงเกินจริงในตลาด
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Two Prime มองว่าตลาดกำลังมีการเก็งกำไรในตลาดฟิวเจอร์สูงเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความผันผวนรุนแรงและอาจไม่ใช่การขึ้นที่ยั่งยืน