svasdssvasds

Apple ประกาศ iPhone 7 Plus, iPhone 8 ตกรุ่น เป็น "สินค้าวินเทจ" แล้ว

Apple ประกาศ iPhone 7 Plus, iPhone 8 ตกรุ่น เป็น "สินค้าวินเทจ" แล้ว

Apple อัปเดตรายการสินค้าวินเทจล่าสุด เพิ่ม iPhone 7 Plus และ iPhone 8 (รุ่น 64GB, 256GB) เข้าสู่สถานะดังกล่าว การซ่อมอาจมีข้อจำกัดด้านอะไหล่

SHORT CUT

  • iPhone 7 Plus และ iPhone 8 (64GB, 256GB) ถูกจัดเป็นสินค้าวินเทจ ส่งผลให้การซ่อมขึ้นอยู่กับความพร้อมของอะไหล่หลังหยุดจำหน่ายเกิน 5 ปี
  • Apple Store และศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตยังซ่อมได้หากมีอะไหล่ แต่ไม่รับประกันความพร้อมของชิ้นส่วนของ iPhone 7 Plus และ iPhone 8
  • iPad Air 2 และ iPad mini 2 ได้กลายเป็นสินค้าล้าสมัย Apple ยุติการให้บริการซ่อมและจัดหาอะไหล่ทุกกรณีสำหรับรุ่นเหล่านี้

Apple อัปเดตรายการสินค้าวินเทจล่าสุด เพิ่ม iPhone 7 Plus และ iPhone 8 (รุ่น 64GB, 256GB) เข้าสู่สถานะดังกล่าว การซ่อมอาจมีข้อจำกัดด้านอะไหล่

Apple ได้ทำการอัปเดตรายชื่อผลิตภัณฑ์ "วินเทจ" (Vintage) และ "ล้าสมัย" 

ตามประกาศล่าสุด iPhone 7 Plus และ iPhone 8 สองรุ่นความจุ ได้แก่ 64GB และ 256GB ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์วินเทจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

CREDIT : MacRurmors

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า iPhone 8 รุ่นความจุ 128GB ยังไม่ถูกรวมอยู่ในรายชื่อนี้ เนื่องจากมีการวางจำหน่ายเป็นระยะเวลานานกว่ารุ่นอื่น ส่วน iPhone 8 รุ่น (PRODUCT) RED นั้นได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มวินเทจไปก่อนหน้านี้แล้ว

CREDIT : MacRumors

สำหรับความหมายของผลิตภัณฑ์ "วินเทจ" ตามเกณฑ์ของ Apple คือ อุปกรณ์ที่หยุดการจัดจำหน่ายมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี

โดย Apple Store และผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple (AASPs) ยังคงสามารถให้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์วินเทจได้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของอะไหล่ที่จำเป็น หากไม่สามารถจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่ได้ ผู้ใช้งาน iPhone 7 Plus และ iPhone 8 รุ่นดังกล่าวอาจไม่สามารถรับบริการซ่อมแซมได้

 

นอกเหนือจากการอัปเดตในกลุ่ม iPhone แล้ว Apple ยังได้ย้าย iPad Air 2 และ iPad mini 2 จากบัญชีรายชื่อผลิตภัณฑ์วินเทจไปสู่บัญชีผลิตภัณฑ์ "ล้าสมัย"

โดยอุปกรณ์ของ Apple จะถูกพิจารณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ล้าสมัยเมื่อหยุดการวางจำหน่ายนานกว่า 7 ปี ซึ่งหมายความว่า Apple Store และ AASPs จะไม่ให้บริการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัยอีกต่อไป และ Apple จะไม่จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับอุปกรณ์เหล่านี้

การเปลี่ยนแปลงนี้นับเป็นเรื่องปกติในวงจรผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งผู้ใช้งานอุปกรณ์รุ่นเก่าควรรับทราบเพื่อวางแผนการดูแลรักษาหรืออัปเกรดอุปกรณ์ของตนในอนาคต

ที่มา : MacRumors

related