svasdssvasds

สิงคโปร์ จ่อแบนมือถือใน ร.ร. มัธยม ปี 2026 หวั่น นร. ซ่อนเครื่อง

สิงคโปร์ จ่อแบนมือถือใน ร.ร. มัธยม ปี 2026 หวั่น นร. ซ่อนเครื่อง

สิงคโปร์ เตรียมแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียนมัธยมปี 2026 แก้ปัญหาติดจอ แต่ผู้ปกครอง-ครูหวั่นคุมยาก หวั่นนักเรียนซ่อนเครื่องจริง

SHORT CUT

  • สิงคโปร์ขยายผลแบนการใช้สมาร์ทโฟน/สมาร์ทวอทช์ ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมทุกแห่ง เริ่ม ม.ค. 2026 เพื่อลดปัญหาเด็กติดจอ
  • ผู้ปกครองกังวลเทรนด์การพก "โทรศัพท์เครื่องหลอก" (Dummy Phone) มาส่งครู และการใช้ช่องโหว่บนแล็ปท็อปการเรียน (PLD) เพื่อแชทหรือเล่นเกม
  • ครูในสิงค์โปร์ สะท้อนปัญหาขาดแคลนกำลังคนในการตรวจจับ และความยากในการควบคุมพฤติกรรมเด็กยุคดิจิทัลที่พร้อมหาทางเลี่ยงกฎระเบียบเสมอ

สิงคโปร์ เตรียมแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียนมัธยมปี 2026 แก้ปัญหาติดจอ แต่ผู้ปกครอง-ครูหวั่นคุมยาก หวั่นนักเรียนซ่อนเครื่องจริง

สิงคโปร์ เดินหน้ามาตรการเข้ม สั่งแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียนมัธยม หวังลดปัญหา 'เด็กติดจอ' ท่ามกลางความกังวลเรื่องช่องโหว่ทางเทคโนโลยีที่นักเรียนอาจใช้หลบเลี่ยง

กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ (MOE) ประกาศมาตรการยกระดับการควบคุมการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในสถานศึกษา โดยระบุว่า

'ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2026 เป็นต้นไป นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ในช่วงเวลาเรียน รวมถึงช่วงพักเบรก กิจกรรมชมรม และกิจกรรมเสริมหลักสูตร'

โดยอุปกรณ์ทั้งหมดจะต้องถูกเก็บไว้ในพื้นที่จัดเก็บหรือในกระเป๋านักเรียนเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่เริ่มบังคับใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาไปแล้วเมื่อต้นปี 2025

CREDIT : CNA

แม้ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะขานรับนโยบายนี้เพื่อแก้ปัญหาการเสพติดหน้าจอ (Screen Addiction) แต่มีความกังวลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "ความรู้เท่าทันเทคโนโลยี" ของเด็กยุคใหม่ ผู้ปกครองและครูเปิดเผยว่า นักเรียนมักหาวิธี "Outsmart" หรือเอาชนะกฎระเบียบเสมอ

ยุทธการสับขาหลอกด้วย 'Dummy Phone' : มีรายงานว่านักเรียนอาจพกโทรศัพท์เครื่องเก่าหรือเครื่องจำลอง (Dummy) มาส่งให้ครูยึด เพื่อเก็บเครื่องจริงไว้ใช้งานแอบแฝง

การเจาะระบบผ่านอุปกรณ์การเรียน (PLD) : แม้โรงเรียนจะแจกแล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาที่มีการล็อกแอปพลิเคชัน แต่ผู้ปกครองพบว่านักเรียนสามารถเข้าถึง WhatsApp Web หรือ Telegram เวอร์ชันเบราว์เซอร์ รวมถึงการสลับ Tab หน้าจออย่างรวดเร็วเพื่อหลบสายตาครูผู้สอน

ความท้าทายของผู้คุมกฎ ในมุมมองของบุคลากรครู การบังคับใช้กฎนี้ถือเป็นภาระงานที่หนักหน่วง

ครูมัธยมรายหนึ่งให้ความเห็นว่า "ครูไม่สามารถแยกร่างไปดูเด็กได้ทุกที่" การตรวจตราในช่วงพักเบรกหรือการเฝ้าระวังเด็กที่แอบใช้โทรศัพท์ใต้โต๊ะเรียนเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างครูกับนักเรียนได้ หากไม่มีระบบล็อกเกอร์เก็บของที่รัดกุมเพียงพอ

มุมมองนักวิชาการ ศ.ไมเคิล เจีย จากสถาบันการศึกษาแห่งชาติ (NIE) สิงคโปร์ มองว่า

มาตรการนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการ "ปรับสมดุล" (Rebalance) เวลาหน้าจอ เพื่อให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์ในโลกแห่งความจริงและพัฒนาทักษะทางสังคมโดยไม่มีอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียมาบิดเบือน อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญคือการบังคับใช้ที่ยั่งยืนและการสร้างความเข้าใจ มากกว่าการไล่จับผิดเพียงอย่างเดียว

ที่มา : channelnewsasia

related