svasdssvasds

ครบรอบ 10 ขวบ พอร์ต Lightning ใกล้ถึงจุดอวสานที่ยังไม่สิ้นสุด

ครบรอบ 10 ขวบ พอร์ต Lightning ใกล้ถึงจุดอวสานที่ยังไม่สิ้นสุด

Apple แนะนำให้โลกรู้จักกับพอร์ต Lightning มาหนึ่งทศวรรษ ซึ่งใกล้จะถึงจุดอวสานแล้ว แต่ความสำคัญนั้นยังไม่สิ้นสุด

Apple อยู่กับพอร์ต Lightning มาแล้วกว่าทศวรรษ ตั้งแต่ ก.ย. 2012 ตอนเปิดตัว iPhone 5 ซึ่งเรียกได้ว่าปฏิวัติวงการในขณะนั้น เนื่องจากก่อนหน้านั้น iPhone ใช้พอร์ต 30-Pin Dock Connector หรือที่ชาร์จ 30 พิน และในฝั่ง Android ใช้หัวชาร์จแบบ Micro USB ที่การเสียบเชื่อมต่อไม่ได้สะดวกสบายอะไร

ฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Apple (ในขณะนั้น) ได้ประกาศบนเวทีเพื่อแนะนำ iPhone 5 ว่า Apple ได้เปลี่ยนจากตัวชาร์จ 30 พิน ที่ใหญ่เทอะทะ เป็นพอร์ตใหม่ขนาดเล็กที่เรียกว่า Lightning และระบุว่า "ตัวเชื่อมต่อที่ทันสมัยสำหรับทศวรรษหน้า"

ผ่านมา 1 ทศวรรษ สู่ปี 2022 พอร์ต Lightning ที่ฟิล ชิลเลอร์ สัญญาไว้ยังอยู่กับ iPhone ทุกเครื่อง และถึงแม้ว่าพอร์ต Lightning จะยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี แต่หลายคนต่างคาดหวังให้ Apple ยกเลิกการใช้พอร์ต Lightning

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

เพื่อความชัดเจน พอร์ต Lightning เป็นตัวเชื่อมต่อที่ดีมาก สามารถชาร์จ iPhone รุ่นใหม่จากแบตเตอรี่ 0% ถึง 50% ได้ในครึ่งชั่วโมง และยังสามารถเสียบชุดหูฟัง รวมถึงส่งสัญญาณวิดีโอที่ความคมชัดแบบ FHD 1080p ได้ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ความเร็วเทียบเท่ากับ USB 3.0

เรียกได้ว่า พอร์ต Lightning นั้นมีสมรรถนะเหนือกว่าพอร์ตการเชื่อมต่อใด ๆ ในขณะนั้น แต่นั่นคือเรื่องราวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ปัจจุบันเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปเทคโนโลยีพอร์ต Lightning ได้พ่ายให้กับ USB-C ที่เหนือกว่าทุกด้าน และที่สำคัญ "เป็นที่แพร่หลาย" มากกว่าอีกด้วย เพราะ Android ทุกค่ายต่างทะยอยหันมาใช้กันหมด เหลือก็แต่เพียง Apple เท่านั้นที่ยังใช้พอร์ต Lightning อยู่ และไม่ใช่กับทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple อีกต่างหาก

พูดให้ถูกต้องคือ Apple ใช้พอร์ต Lightning เฉพาะกับ iPhone, Magic Mouse, Magic Keyboard และ AirPods เท่านั้น เพราะแม้แต่ iPad เกือบทุกรุ่น และ MacBook ของ Apple ยังเปลี่ยนไปใช้ USB-C แล้วเลย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

คำถามคือ เหตุใด Apple ถึงยึดติดกับพอร์ต Lightning ขนาดนั้น ?

นั่นเป็นเพราะทาง Apple จะได้ค่างลิขสิทธิ์จาก 3rd Party ที่ต้องการผลิตหัวชาร์จพอร์ต Lightning และนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเมื่อไปซื้อสายชาร์จพอร์ต Lightning จาก 3rd Party จึงมีราคาสูงกว่าสายชาร์จอื่น ๆ เล็กน้อย

และแน่นอนว่าการที่ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมี Ecosystem ที่เชื่อมต่อกันได้อย่าง Seamless แต่ยากที่จะทำการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์จากค่าย ๆ อื่น ยิ่งทำให้เราต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple รวมกันทั้งหมด และผลักดันให้เรากลายเป็นลูกค้าชั้นดีของ Apple ไปโดยปริยาย

EU บังคับใช้ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด

ก.ย. ปีที่แล้ว หลังจากที่ Apple เพิ่งเปิดตัว iPhone 13 ไปหมาด ๆ ทางสหภาพยุโรป (European Union: EU) ประกาศให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ตั้งแต่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้อง และลำโพงพกพา รวมถึงระบบวิดีโอเกมแบบพกพา ต้องใช้หัวชาร์จแบบ USB-C เพื่อความสะดวก และลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์

มาร์เกร็ตต้า เวสเทเจอร์ (Margrethe Vestager) หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ EU ระบุในแถลงการณ์ว่า "ผู้บริโภคชาวยุโรปรู้สึกหงุดหงิดใจมานานพอควรกับการที่ต้องมีเครื่องชาร์จ สายชาร์จรูปแบบต่างๆ มากมายอยู่ในลิ้นชัก ที่ผ่านมาเราให้เวลากับอุตสาหกรรมในค้นหาทางแก้ปัญหามาโดยตลอด ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าทางกฎหมายให้เครื่องชาร์จเหมือนกันทั้งหมดเสียที"

ทางเลือกของ Apple ในพอร์ต Lightning

ดูเหมือนว่า iPhone 14 ที่กำลังจะเปิดตัวในงาน Far Out วันที่ 7 ก.ย. นี้ จะยังไม่มีการเปิดตัว iPhone ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อด้วย USB-C เพราะกฎใหม่ที่ EU บังคับใช้นั้นจะมีผลในปี 2024 เป็นต้นไป ซึ่งนั่นทำให้ Apple มีเวลาเหลืออีก 1 ปีสำหรับการใช้พอร์ต Lightning

หรือ Apple อาจใช้วิธีขาย iPhone ที่เป็นพอร์ต USB-C ในยุโรปและพอร์ต Lightning ในประเทศอื่น ๆ แต่นั่นน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับการขาย iPhone ที่มีพอร์ตชาร์จสองแบบที่แตกต่างกัน

หรือสุดท้าย Apple อาจเลี่ยงกฎหมายของ EU ด้วยการทิ้งพอร์ตที่มีอยู่ทั้งหมดและหันไปใช้การชาร์จแบบไร้สาย MagSafe ตามข่าวลือที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนั่นจะเป็นทางเลือกที่แย่กว่าการเปลี่ยนไปใช้ USB-C เสียอีก เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการบังคับให้ผู้คนอัพเกรดอุปกรณ์ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์ และความยุ่งยากในการใช้งานไปชาร์จไป

ทางออกที่ดีของ Apple สำหรับพอร์ต Lightning นั้นเป็นการเปลี่ยนไปใช้ USB-C ใน iPhone 15 ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2023 ก่อนถึงเส้นตายเป็นเวลา 1 ปี ที่ผลบังคับของ EU จะมีผล ซึ่งนั่นจะดูลงตัวและสมเหตุสมผลที่สุด

หาก Apple ต้องการดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานเพื่อขาย iPhone ของปีที่แล้วต่อไป อุปกรณ์เหล่านั้นก็จะต้องมี USB-C ด้วย การเพิ่มขั้วต่อเข้ากับ iPhone 15 จะทำให้ Apple ขายต่อได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ หลังจากเปิดตัว iPhone 16 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2024

แต่ใช่ว่าพอร์ต Lightning ของ Apple จะหมดความหมายในทันที

เพราะ iPhone อื่น ๆ อย่าง  iPhone 13 ตัวล่าสุดที่ยังใช้พอร์ต Lightning อยู่อย่างแน่นอน รวมถึง iPhone 14 ที่กำลังจะเปิดตัวนี้ และอาจลามไปถึง iPhone 15

หากดูข้อมูลแล้ว จะพบว่า iPhone แต่ละรุ่นสามารถที่จะใช้งานได้ยาวนาน 5-6 ปี เช่น iPhone 6S ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 สามารถใช้ได้ยาวจนถึงปีนี้ รวมเวลาแล้วกว่า 7 ปีด้วยกัน

เพราะฉะนั้น iPhone 13 เป็น iPhone เครื่องล่าสุดที่มีพอร์ต Lightning นั่นเท่ากับว่า Apple ยังสามารถขายลิขสิทธิ์ให้กับ 3rd Party ต่อได้ยาว ๆ ถึงปี 2026 และหากเป็น iPhone 14 หรือ iPhone 15 อาจต่อได้ถึงปี 2027-2029 เสียด้วยซ้ำไป

แต่ถึงอย่างไรนั้น ดูเหมือนการถือครองพอร์ต Lightning ของ Apple ก็ใกล้ถึงกาลอวสานเข้ามาทุกที

related