svasdssvasds

เรียนรู้ผ่าน XR (Extended Reality) หนึ่งในเทรนด์การศึกษาของเอเชียในปี 2023

เรียนรู้ผ่าน XR (Extended Reality) หนึ่งในเทรนด์การศึกษาของเอเชียในปี 2023

การเรียนรู้แบบเดิมๆ ไม่สามารถใช้ในการทำงานหรือใช้ชีวิตได้อย่างเดิม จากนี้ไป เราจึงต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกอนาคต และนี่คือ 5 เทรนด์เทคโนโลยีการศึกษาที่จะเข้ามากำหนดทิศทางการศึกษาของเอเชียในปี 2023

2 ปีกว่าที่โควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนชีวิต อุตสาหกรรมการศึกษา ก็ต้องปรับแผนกันยกใหญ่ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แบบเร่งรัด ลดกระบวนการ เชื่อมต่อกับผู้เรียนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร เช่น เทคโนโลยี VR (Virtual Reality), AR (Augmented Reality), MR (Mixed Reality), XR (Extended Reality) เพื่อเป็นการขยายการเรียนรู้ด้วยวิธีใหม่ๆ 

5 เทรนด์ที่จะเข้ามากำหนดทิศทางการศึกษาของเอเชียในปี 2023

  1. การเรียนรู้แบบไฮบริด/แบบผสมผสาน ยังเป็นแนวทางที่ได้ไปต่อ

แม้ว่าการเรียนออนไลน์อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากแต่ละคนมีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์การเรียนที่ต่างกันไป แต่การเรียนรู้แบบไฮบริดก็จะเป็นแนวทางที่ใช้กันต่อ เพราะมีความยืดหยุ่นและมีประโยชน์ในการนำมาใช้ออกแบบการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ๆ โดยสถาบันการศึกษาหลายแห่งจะนำเครื่องมือและแนวการเรียนการสอนในช่วงการแพร่ระบาดมาปรับใช้ แม้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว

Source : Unsplash

  1. ผู้สอนต้องพร้อมใช้เทค เพราะการเรียนรู้เฉพาะบุคคลจะยังดำเนินต่อไป 

การเรียนรู้ในช่วงการเกิดโรคระบาดช่วยให้เห็นความต่างด้านพฤติกรรมและความสนใจของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเรียนรู้ รูปแบบการเรียน และการเข้าถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันตามความสนใจ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย กอปรกับผู้สอนนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคนมากยิ่งขึ้น ทางโรงเรียนและสถาบันการศึกษาจึงมีโอกาสและช่องทางที่จะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ตรงจุดมากขึ้น ทั้งในแง่ของเนื้อหา แนวการสอน และการประเมินการเรียนการสอน โดยอาจใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มเข้าช่วย เช่น Starfish Class เครื่องมือประเมินผลส่วนบุคคลที่ช่วยเสริมทักษะให้ผู้สอน ด้วยการบันทึกผลการเรียนของนักเรียน เมื่อมี Data แล้วก็นำมาพัฒนาทักษะความสามารถของนักเรียนได้ต่อไป

Source : Unsplash

  1. ต้องรู้จัก Microlearning หรือ Bite-sized learning ย่อยเรื่องจริงจังให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย

การเรียนรู้จะดีที่สุดถ้าเนื้อหาเป็นเรื่องที่น่าสนใจและกระชับ ซึ่ง “ปริมาณ” ของการเรียนรู้อาจลดลงเมื่อความสนใจหมดลง ขณะเดียวกัน "ความจริงจังและเข้มข้น" ของเนื้อหาและการนำเสนอกำลังเปลี่ยนไปเป็น "ความสนุก" มากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Tik Tok, YouTube Shorts มาใช้เป็นช่องทางการสอนในช่วงโควิดระบาด กับการที่บริษัทเทคโนโลยีการศึกษาหรือ EdTech ในไทยอย่าง Vonder แพลตฟอร์ม Microlearning ที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับการเรียนได้อย่างรวดเร็วและสนุกสนาน โดยยกตัวอย่างประสบการณ์การเรียนในห้องเรียนที่ต่างจากแบบแผนปกติมาประยุกต์ใช้สอนในแบบ Gamification 

Source : Unsplash

  1. ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Extended Reality: XR) สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตผ่านโลกเสมือน

Extended Reality (XR) เป็นเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ครอบคลุมทั้ง Virtual Reality (VR), Augmented Reality (AR), Mixed Reality (MR) และเทคโนโลยีเสมือนจริงอื่นๆ ซึ่งสิ่งนี้เข้ามาสร้างโอกาสมากมายในการเรียนรู้ จากการมอบประสบการณ์ “ในชีวิตจริง" แบบไม่จำกัดเวลาและพื้นที่ เช่น “การเดินในวัด" ที่ย้อนไปในสมัยอยุธยาได้ ย่อมสนุกและตื่นเต้นมากกว่าการอ่านและท่องจำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากหนังสือเรียน หรือการใช้ XR เสนอสภาพแวดล้อมจำลองสำหรับนักเรียนที่กำลังฝึกในโรงเรียนแพทย์หรือผู้ที่กำลังศึกษาด้านอาชีวศึกษา ก็ทำได้

อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้ XR ในแวดวงการศึกษาคือ Aniveres Mataverse โครงการที่เกิดจากความร่วมมือระดับประเทศ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทย 17 แห่ง กับกระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีนี้เป็นวงกว้าง

Source : Unsplash

  1. เปิดรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการได้มาซึ่งทักษะใหม่ๆ ทั้งในและนอกห้องเรียน

ระบบการศึกษาที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันกำลังวิ่งตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น หลักสูตรที่มีอยู่ในโรงเรียนอาจจะล้าสมัยเมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ และสิ่งที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนรู้อาจไม่ได้สอนหรืออยู่แต่ในโรงเรียนอีกแล้ว ทุกคนต้องสร้างหรือรับประสบการณ์ ที่ต่างออกไป ต้องฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของโลกในอนาคต 

เพื่อปิดช่องว่างด้านทักษะความสามารถ องค์กรระดับโลกอย่าง World Economic Forum ก็กำลังทำงานร่วมกับองค์กรมากกว่า 350 แห่ง โดยมุ่งที่จะเสริมทักษะและพัฒนาการศึกษาให้แก่ประชากรโลกกว่า 1 พันล้านคน ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีการศึกษาหลายแห่งในเอเชียได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับปัญหาเฉพาะด้านนี้ด้วย

สำหรับคนที่สนใจเทคโนโลยีการศึกษา ในเดือนตุลาคมนี้จะมีการจัดแสดงงาน Bett Asia Leadership Summit & Expo ระหว่างวันที่ 11-12 ตุลาคม นี้ ณ โรงแรม The Athenee กรุงเทพฯ ด้วยความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย

related