จังหวัดสงขลา ร่วมมือ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ปั้นโครงการต้นแบบบูรณาการระบบกล้องวงจรปิด ด้วยเทคโนโลยี AI ยกระดับความมั่นคงปลอดภัย พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดเต็มศักยภาพ มุ่งเป้าสงขลาหลุดจากรายชื่อจังหวัดติดธงแดงและหวังผลขยายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ นายพัฒนา ณ สงขลา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 3 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานในโครงการบูรณาการระบบกล้องวงจรปิด จังหวัดสงขลา ขับเคลื่อนต้นแบบการบูรณาการระบบกล้องวงจรปิดและใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยสาธารณะในพื้นที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 ณ โรงแรม ลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา จังหวัดสงขลา
โดย NT นำเทคโนโลยีทันสมัยในการบูรณาการระบบโดยดึงข้อมูลภาพได้จากกล้องทุกแบรนด์ ทุกรุ่น และ ทุกประเภทกล้องให้เข้ามารวมอยู่ในศูนย์ข้อมูลของระบบกล้องวงจรปิด ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี Generative AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แห่งยุคเข้ามาพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ในการระบุอัตลักษณ์บุคคลและวัตถุเป้าหมายให้เกิดความแม่นยำ เพิ่มความชัดเจนของภาพจากกล้องวงจรปิดให้ภาพตอนกลางคืนมีความชัดเจนได้เทียบเท่าตอนกลางวัน ซึ่งรองรับการทำงานสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไร้รอยต่อ ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ภาคสนามด้านความมั่นคงให้ตอบสนองต่อเหตุด่วนเหตุร้ายได้เร็วขึ้นไปจนถึงขั้นป้องกันการก่อร้าย
“ความปลอดภัยสาธารณะและเสถียรภาพทางสังคมจะเป็นพื้นฐานที่เพิ่มศักยภาพให้สงขลาเป็น Destination สำหรับการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจังหวัดสงขลาจะสามารถออกจากสถานภาพ “พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง” ซึ่งจะเพิ่มโอกาสผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาที่มีเป้าหมายเพิ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูง (High Yield Tourists)
จากที่ใช้จ่ายวันละ 3,300 ต่อหัวต่อวัน ให้เท่ากับที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายอยู่ที่ 7,700 บาทต่อหัวต่อวัน ทั้งนี้ คาดว่าโครงการบูรณาการระบบกล้องวงจรปิดจะแล้วเสร็จก่อนมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 ที่จังหวัดสงขลาร่วมเป็นเจ้าภาพกับกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดชลบุรี โดยมีแผนสาธิตความพร้อมของการรักษาความมั่นคงและปลอดภัยสาธารณะของโครงการฯ ในช่วงเวลาของการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
นอกจากนี้ NT ให้บริการด้านบริหารข้อมูลทั้งระบบด้วยเทคโนโลยี Generative AI ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบได้จากมือถือ แทบเลต และ คอมพิวเตอร์ พร้อมดูแลระบบตลอดระยะเวลา 5 ปี เพื่อโครงการฯ บรรลุเป้าหมายภารกิจอย่างต่อเนื่องและลดภาระของจังหวัดในการตั้งงบประมาณการบำรุงรักษา”