svasdssvasds

เอ็นที ร่วมมือ กฟภ. ยกระดับการใช้พลังงานสะอาด จัดการพลังงานในองค์กร

เอ็นที ร่วมมือ กฟภ. ยกระดับการใช้พลังงานสะอาด จัดการพลังงานในองค์กร

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ การไฟฟ้า
ส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 
การใช้โครงข่ายสื่อสาร และการจัดการพลังงานในองค์กร ระยะแผนนาน 5 ปี มุ่งเป้าเป็นหน่วยงานรักษ์โลก

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ การไฟฟ้า
ส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 
การใช้โครงข่ายสื่อสาร และการจัดการพลังงานในองค์กร เป็นความร่วมมือดำเนินการศึกษาด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วย Digital Platform

ไม่ว่าจะเป็น การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้ง
มีความร่วมมือกันในการพัฒนางานด้านธุรกิจพลังงาน สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพ มั่นคงปลอดภัย ทันสมัย สามารถนำออกมาใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า  เอ็นที เป็นผู้นำการให้บริการโทรคมนาคมและ Digital Service ที่มุ่งตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งมั่นส่งเสริมและพัฒนาการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับทั้งภายในองค์กร และคุณภาพชีวิตของคนไทย การร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ กฟภ.ในครั้งนี้

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อเป็นโครงการต้นแบบของการร่วมมือกันดำเนินการศึกษาด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop การบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System)  ด้วย Digital Platform ของ กฟภ. การใช้งานโครงข่ายเทคโนโลยีทรัพยากรด้านการสื่อสาร

รวมทั้งการนำ Digital Technology ของ NT มาสนับสนุนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน โดยนำเทคโนโลยีมาปรับให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาวะการใช้งานภายในพื้นที่ของ NT เพื่อเป็นประโยชน์ทางด้านการผลิตพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ  

ซึ่งการร่วมมือกันนี้ตอบโจทย์การยกระดับและการขับเคลื่อนโครงการจัดการพลังงานในองค์กรให้มีความปลอดภัย สะดวก คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด

โดยทางเอ็นทีจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนรถโดยสารแบบน้ำมันภายในองค์กรที่มีรูปแบบเช่าจำนวน 4,000 คัน มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าให้หมดก่อน จากนั้นจะมีการวางแผนติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้า ซึ่งยังไม่ได้วางแผนว่าจะมีจำนวนกี่จุด ต้องดูปริมาณของการใช้งานและความต้องการชาร์จของผู้ใช้งานก่อน

นอกจากนี้ ทางเอ็นทียังอยู่ในช่วงของการวางแผนใช้พลังงานสะอาดร่วมกับจุดติดตั้งสัญญาณที่มีประมาณ 4 หมื่นต้น ยังอยู่ในช่วงของการทำแผนงานว่าจะต้องใช้งบประมาณสักเท่าไหร่ 

ทางด้านของ ศุภชัย เอกอุ่น  ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เผยว่า กฟภ. มีนโยบายในการสนับสนุนเรื่องของการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงการนำพลังงานสะอาดมาใช้ทดแทนในส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับสถานประกอบการ

โดยความร่วมมือในครั้งนี้เป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจที่จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน ในการนำศักยภาพที่มีนำมาต่อยอด

กฟภ. จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการในเรื่องของ

  • โครงการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop  
  • โครงการจัดหายานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicle)
  • ระบบอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Faclity) รวมทั้งการบริหารจัดการพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและบริภัณฑ์ที่อาจจะเกิดเหตุขัดข้องของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือชำรุดเสียหายอย่างกะทันหัน
  • Corrective Maintenance (CM) และเชิงป้องกัน Preventive Maintenance (PM)
  • รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวกจัดหายานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicle) ตามความต้องการในการใช้งานอีกด้วย
  • "กฟผ.มีแผนจะเปิดตัวจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในประเทศไทยเร็วๆ นี้ มั่นใจได้ว่าจะรองรับความต้องการใช้งานของประชาชนได้แน่นอน รวมทั้งจะมีหัวชาร์จที่รองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อด้วย

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือ นอกเหนือไปจากการสำรวจ ออกแบบ และกำหนดมาตรการประหยัดพลังงาน การกำหนดคุณสมบัติอุปกรณ์ การจัดหาอุปกรณ์ และการได้รับอุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพทดแทนไว้ใช้งาน และที่สำคัญเกิดการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นแล้ว

ยังสามารถลดงบประมาณด้านการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อีกด้วย และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิจัยและพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยระยะเวลาการทำงานร่วมกันมีช่วงระยะเวลาอยู่ที่ 5 ปี ซึ่งช่วงแรกจะเป็นการสำรวจความต้องการใช้งานก่อน คาดว่าทุก 100 ตรม.จะต้องมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน แต่ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการวางแผนงานทั้งโครงการ

related