SHORT CUT
ปรากฏการณ์ LinkedIn envy คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในโลกออนไลน์ ณ เวลานี้ ผู้คนในกลุ่ม Gen Z รู้สึกแย่เมื่อเทียบตัวเองกับงานคนอื่น จนกระทั่งบางคนเลือกที่จะลบแอป LinkedIn ที่เอาไว้หางานทิ้งไป
งานในฝันของคนอื่น...กลายเป็นฝันร้ายของฉัน?
Gen Z กำลังเจอกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เรียกว่า “LinkedIn Envy”—อาการอิจฉาความสำเร็จของคนอื่นบนแพลตฟอร์มที่ควรใช้เพื่อ "หางาน" แต่กลับกลายเป็นที่เปรียบเทียบตัวเองกับชีวิตที่ดูดีของผู้อื่น ไม่ต่างจากที่ Millennials เคยรู้สึกเมื่อเห็นเพื่อนเที่ยวหรูบน Instagram
แต่ต่างกันตรงที่... LinkedIn ไม่แม้แต่จะแสร้งว่าสนุก
ในยุคที่ตลาดงานตึงเครียด โพสต์ “ดีใจมากที่ได้เป็น...” หรือ “ฝันที่เป็นจริง...” บน LinkedIn กลายเป็น “ฝันร้าย” สำหรับบางคน Lotte Brundle นักข่าวเล่าว่าช่วงที่เธอตกงานหลังเรียนจบ ต้องนั่งอยู่บ้าน จ้วง Pringles และอ่านโพสต์ความสำเร็จของคนที่ไม่เจอหน้ากันมานาน มันทำให้เธอรู้สึกว่า “ชีวิตคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว”
คอลัมน์เทคโนโลยีใน Slate ปี 2019 ระบุว่า "เมื่อพูดถึงวงจรการเปรียบเทียบ (comparison spirals) Instagram ได้รับความสนใจทั้งหมด แต่ LinkedIn กลับเป็น สถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการ 'สติแตก'
“Instagram ถูกมองว่าเป็นต้นตอของความอิจฉา... แต่ LinkedIn คือที่ที่คน ‘สติแตก’ ได้ง่ายที่สุด”
เพราะมันเต็มไปด้วยโพสต์ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีใครพูดถึง “ความล้มเหลวเล็กๆ” หรือ “บทเรียนจากการผิดพลาด” เลย จึงทำให้ชีวิตบน LinkedIn ดูสมบูรณ์แบบอย่างลวงตา
เมื่อแพลตฟอร์มมืออาชีพกลายเป็นกับดักอารมณ์
บางคนถึงขั้นลบแอปจากมือถือ Reddit เต็มไปด้วยโพสต์จากคนที่รู้สึกแย่หลังเข้าใช้งาน มีผู้ใช้คนหนึ่งเขียนว่า:
“ทุกครั้งที่เข้า LinkedIn ฉันรู้สึกแย่มากๆ กับตัวเอง... เหมือนที่นี่กลายเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ความหลงตัวเอง”
Dr. Susan Biali Haas แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเสนอว่า ความอิจฉาไม่ใช่สิ่งที่ต้องปัดทิ้งเสมอไป — ตรงกันข้าม มันอาจสะท้อนความปรารถนาที่แท้จริงในชีวิตของเราเอง
“คนที่เรารู้สึกอิจฉา อาจเป็นตัวแทนของความเป็นไปได้ที่เราต้องไล่ตาม”
Haas ยังแนะนำให้กลั่นกรองฟีดของเราให้ไม่กระทบใจ และใช้ความอิจฉาเป็นแรงผลัก ไม่ใช่หลุมดำ
แม้ว่า LinkedIn จะเป็นแพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วย “วัฒนธรรมแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จ” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า:
ความรู้สึก “เปรียบเทียบแล้วสิ้นหวัง” (compare and despair) นั้นเชื่อมโยงกับ “ทฤษฎีการเปรียบเทียบทางสังคม” โดยตรง
และเมื่อโพสต์เหล่านั้นเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เน้นการแสดงตนในทางบวกแบบสุดโต่ง ภาพลวงตานั้นก็ยิ่งทรงพลัง เพราะไม่มีใครพูดถึงด้านที่ “ไม่สมบูรณ์แบบ”
ด้านหนึ่ง มันสร้างความรู้สึกไม่พอเพียง
แต่อีกด้าน มันอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เรา “ขยับตัว” และกลับมาวางแผนเส้นทางอาชีพของตัวเอง
ความอิจฉาอาจไม่ใช่ศัตรูเสมอไป ถ้าเราใช้มันเป็นเข็มทิศชี้ไปยัง “สิ่งที่เราต้องการจริงๆ”
“LinkedIn envy ไม่ได้บอกว่าเราล้มเหลว แต่มันอาจกำลังบอกว่า... ถึงเวลาเริ่มต้นบางอย่างใหม่แล้วก็ได้”
ที่มา :psychologytoday theboar vice nypost
ข่าวที่เกี่ยวข้อง