โตโยต้าสวนกระแส เปิดตัว 'รถยนต์พลังน้ำ' เขย่าบัลลังก์รถยนต์ EV
โตโยต้าท้าชนรถไฟฟ้า เปิดตัวเครื่องยนต์พลังน้ำ ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เติมง่าย ซ่อมได้ ราคาจับต้องได้ – อาจปฏิวัติทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์
SHORT CUT
- โตโยต้ากำลังพัฒนาเครื่องยนต์ที่สามารถแยกไฮโดรเจนจากน้ำภายในตัวรถเองผ่านกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) โดยไม่ต้องใช้ถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน
- เครื่องยนต์พลังน้ำนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น ปล่อยมลพิษแทบเป็นศูนย์ ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำเนื่องจากใช้น้ำกลั่นที่หาได้ทั่วไป และลดการพึ่งพาน้ำมันและแร่หายาก ซึ่งอาจช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงรถยนต์พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น .
- แม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ยังคงเผชิญกับอุปสรรค เช่น ต้นทุนการผลิตไฮโดรเจน ความปลอดภัยของเชื้อเพลิง และความซับซ้อนด้านวิศวกรรม นอกจากนี้ ยังมีแรงต้านจากอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ เช่น บริษัทน้ำมันและผู้ผลิตแบตเตอรี่ ที่อาจมองว่าเทคโนโลยีนี้เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจของตน
โตโยต้าท้าชนรถไฟฟ้า เปิดตัวเครื่องยนต์พลังน้ำ ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เติมง่าย ซ่อมได้ ราคาจับต้องได้ – อาจปฏิวัติทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์
ลองจินตนาการดูว่า ถ้ามีเทคโนโลยีที่ใช้แค่น้ำเป็นเชื้อเพลิง แต่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ได้อย่างทรงพลัง แถมไม่ปล่อยไอเสีย ไม่ต้องพึ่งน้ำมัน และไม่ต้องเสียเวลาชาร์จไฟ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง โลกยานยนต์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน?
นั่นคือสิ่งที่ โตโยต้า กำลังพยายามจะทำให้เป็นจริง กับโครงการพัฒนา “เครื่องยนต์พลังน้ำ” ที่อาจปฏิวัติวงการขนส่งอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
Toyota ซุ่มปั้น 'รถยนต์พลังน้ำ'
จากรายงานของช่อง Fórmula Turbo บน YouTube โตโยต้ากำลังทดลองเครื่องยนต์ที่สามารถแยก ไฮโดรเจน ออกจากน้ำได้ภายในตัวรถเอง โดยใช้หลักการ อิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) หรือการแยกโมเลกุลน้ำ (H₂O) ให้กลายเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจนด้วยไฟฟ้าแรงสูง
ไฮโดรเจนที่ได้จะถูกเผาไหม้เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์ ซึ่งคล้ายกับระบบในรถ Toyota Yaris J2 รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ไฮโดรเจน แต่ต่างกันตรงที่ ไม่ต้องพึ่งถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูง ทำให้ปลอดภัยกว่าและใช้งานสะดวกขึ้นมาก
ข้อดีมหาศาลที่อาจเปลี่ยนโลก
- ปล่อยมลพิษแทบเป็นศูนย์ – ระดับเดียวกับรถไฟฟ้า
- ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ – ใช้แค่น้ำกลั่นที่หาได้ทั่วไปหรือผลิตเองที่บ้านก็ยังได้
- ลดการพึ่งพาน้ำมันและแร่หายาก – ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต้นทุนระยะยาว
- การเก็บน้ำง่ายกว่าไฮโดรเจน – ไม่ต้องระบบแรงดันสูงหรือตู้เติมราคาแพง
- ให้พลังงานสูงกว่าเครื่องยนต์น้ำมัน – รายงานบางฉบับระบุว่าให้กำลังมากกว่าสามเท่า
หากทำได้จริง รถพลังน้ำอาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงรถยนต์พลังสะอาดในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งยังเข้าไม่ถึงรถไฟฟ้าที่มีราคาสูงและต้องการโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะ
ข้อสังเกตรถพลังน้ำ
แม้แนวคิดนี้จะน่าตื่นเต้น แต่ ก็ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเดิม ๆ อย่างต้นทุนการผลิตไฮโดรเจน ความปลอดภัยของเชื้อเพลิง และความซับซ้อนด้านวิศวกรรม ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องฝ่าให้ได้
ที่สำคัญกว่านั้นคือ แรงต้านจากอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทน้ำมัน หรือผู้ผลิตแบตเตอรี่ ที่อาจมองว่าเทคโนโลยีนี้คือ “ภัยคุกคามโดยตรง”
กรณีของ Stanley Meyer นักประดิษฐ์ที่เคยสร้างรถพลังน้ำในยุค 90s แล้วเสียชีวิตอย่างลึกลับ คือเครื่องเตือนใจว่าใครที่ท้าทายสถานะเดิมของวงการ อาจต้องเผชิญกับแรงเสียดทานมหาศาล แต่ถ้าโตโยต้าทำได้ ก็อาจกลายเป็นผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่
ที่มา : clickpetroleoega
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
