svasdssvasds

Microsoft เผย คนไทย 88% รู้สึก "ไม่มีเวลามากพอสำหรับงาน"

Microsoft เผย คนไทย 88% รู้สึก "ไม่มีเวลามากพอสำหรับงาน"

Microsoft เผยเทรนด์ Work Trend Index 2025 ชี้ คนไทย 88% รู้สึกว่าไม่มีเวลาและพลังงานพอสำหรับภาระงาน แถมยังต้องเจอการแจ้งเตือนต่างๆ เฉลี่ยถึง "275 ครั้งต่อวัน"

SHORT CUT

  • สถิติชี้ว่า 88% ของคนทำงานในไทยขาดพลังงานและเวลาที่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจาก "การแจ้งเตือน" โดยพนักงานทั่วโลกได้รับโดยเฉลี่ยถึง 275 ครั้งต่อวัน (หรือทุกๆ 2 นาที) ทำให้สมาธิในการทำงานลดลงอย่างมาก
  • องค์กรในไทยราว 68% ได้เริ่มนำ AI มาปรับใช้ เพื่อลดขั้นตอนและทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ "องค์กรแถวหน้า" (Frontier Firms) ที่ใช้ AI จัดการงาน 80% ที่ให้ผลลัพธ์ 20% เพื่อให้พนักงานมีเวลาไปทำงานสำคัญที่สร้างผลลัพธ์ได้ถึง 80%
  • ผู้บริหารในไทยมองว่า AI จะสร้างโอกาสใหม่ๆ โดย 83% ของผู้บริหารคาดการณ์ว่าพนักงานรุ่นใหม่จะได้ทำงานเชิงกลยุทธ์และวางแผนได้เร็วขึ้น เนื่องจาก AI จะเข้ามาช่วยลดภาระงาน

Microsoft เผยเทรนด์ Work Trend Index 2025 ชี้ คนไทย 88% รู้สึกว่าไม่มีเวลาและพลังงานพอสำหรับภาระงาน แถมยังต้องเจอการแจ้งเตือนต่างๆ เฉลี่ยถึง "275 ครั้งต่อวัน"

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากรายงาน Work Trend Index 2025 ซึ่งเน้นย้ำในเรื่อง "องค์กรแถวหน้า" (Frontier Firms) ที่ประสบความสำเร็จในการนำ AI มาปรับใช้

CREDIT : Microsoft

สถิติเผย "88%" ของคนไทย "ขาดพลังงานและเวลาที่เพียงพอในการจัดการภาระงาน"

พนักงานได้รับการแจ้งเตือนโดยเฉลี่ย "275 ครั้ง" ต่อวันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งอีเมล, ข้อความแชท และตารางการประชุม

ซึ่งหมายความว่าพนักงานทุกคน จะได้รับการแจ้งเตือนทุกๆ "สองนาที"

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น "การประชุม" ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ "พนักงานมีประสิทธิภาพสูงสุด" คือ ระหว่าง 09:00-11:00 น. และ 13:00-15:00 น.

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำว่า

ในขณะที่ผู้บริหารส่วนใหญ่มุ่งหวังการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ "เวลาและพลังงานของพนักงานมีจำกัด" ดังนั้น "Agentic AI" ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง จึงเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัว

หลายองค์กรกำลังเลือกใช้ทีมแบบไฮบริดที่พนักงานเป็นผู้จัดการ AI โดยประมาณ "68%" ขององค์กรในไทยได้นำ AI มาใช้เพื่อทำให้บางส่วนของ "กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ" แล้ว

ในระยะยาว ผู้บริหาร "83%" คาดการณ์ว่าพนักงานรุ่นใหม่จะได้รับโอกาสในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์และการวางแผนเร็วขึ้น หาก AI ช่วยลดภาระงานของพวกเขา ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรและเส้นทางอาชีพได้

Microsoft เผยกลยุทธ์สำหรับองค์กรยุคใหม่

ใช้กฎ 80/20 กับ AI : มอบหมายงาน 80% ซึ่งโดยทั่วไปสร้างผลลัพธ์เพียง 20% ให้กับ AI และระบบอัตโนมัติ เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งาน 20% ที่ให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการถึง 80%

เปลี่ยนไปสู่มุมมองที่เน้นกระบวนการทำงานเป็นศูนย์กลาง : เนื่องจากความสามารถของ AI ก้าวข้ามขอบเขตของแผนก การสื่อสารและการประสานงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความขัดแย้งระหว่างแผนก และเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร

บริหารจัดการ AI เหมือนพนักงาน : AI อัตโนมัติสามารถเรียนรู้ พัฒนาความสามารถ แสดงความคิดเห็น และผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานได้เช่นเดียวกับพนักงานมนุษย์ 

Microsoft ประเทศไทย ได้ยกย่อง 3 องค์กรชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็น SCBX, SCGC และฝั่งรัฐบาลอย่าง OCS ซึ่งมีตัวอย่างการนำ AI มาใช้จริงแล้ว

CREDIT : Microsoft

SCBX กำลังมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร AI-First โดยส่งเสริมให้พนักงานทุกแผนกนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของตน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ

คุณลลินทิพย์ เยี่ยมพลพัฒน์, Head of Financial Planning and Data Intelligence ของ SCBX เน้นย้ำว่า "พนักงานทุกคนไม่ว่าจะมีความเชี่ยวชาญด้านไอทีหรือไม่ ก็สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนา AI ภายในองค์กรได้"

Microsoft เผย คนไทย 88% รู้สึก \"ไม่มีเวลามากพอสำหรับงาน\"

ตัวอย่างเช่น ระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นภายในเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้าสำหรับบริการสินเชื่อ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการและความถูกต้องของข้อมูล

SCBX ให้ความสำคัญกับรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง (DataX) และลงทุนในโครงการเพิ่มความรู้ด้าน AI แก่พนักงานเพื่อสร้าง "AI Champions"

องค์กรดำเนินงานด้วยทิศทางที่ชัดเจนจากบนลงล่าง (top-down) จากคณะกรรมการและ CEO ควบคู่ไปกับการผลักดันจากล่างขึ้นบน (bottom-up) จาก CEO ของบริษัทในเครือ

พวกเขามองว่า "พนักงานยุคใหม่" ต้องเป็น "Agent Boss" หรือผู้จัดการ AI ที่ต้องคิดค้นกระบวนการทำงานใหม่เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของพนักงานและลูกค้า

สิ่งที่น่าสังเกตคือผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้มักมาจากสายงานธุรกิจ "ไม่ใช่แค่ฝ่ายไอทีเท่านั้น"

SCGC ผู้นำด้านนวัตกรรม ใช้แนวคิด "AI Everyday" เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความคล่องตัวในการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร

Microsoft เผย คนไทย 88% รู้สึก \"ไม่มีเวลามากพอสำหรับงาน\"

คุณสัญญา จินดาประเสริฐ Enterprise Digital Director ของ SCGC กล่าวว่า "บริษัทใช้ Azure OpenAI Service, Power Platform และ AI Hub ในการพัฒนา AI โดยเฉพาะในด้าน Market Intelligence"

นอกจากนี้ SCGC ยังได้พัฒนา "AILY" (AI Everywhere) โดยใช้ Microsoft Azure OpenAI Service เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการใช้ AI อย่างแพร่หลาย ช่วยลดภาระงาน เพิ่มความคล่องตัว และช่วยให้พนักงานทุกคนสามารถใช้ข้อมูลภายในได้อย่างปลอดภัย

สิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานที่สำคัญและการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น SCGC ประสบความสำเร็จในการฝึกอบรมพนักงาน 5,000 คนให้กลายเป็น "AI Explorers" ภายในสามเดือน

ซึ่งผู้เข้าร่วมจะต้องเรียนรู้ สอบผ่าน และนำ AI ไปประยุกต์ใช้จริงในโปรเจกต์กลุ่ม โครงการนี้ได้สร้างนวัตกรรมและกรณีการใช้งานใหม่ๆ

แม้กระทั่งในหมู่พนักงานอาวุโส เช่น การใช้ AI สรุปเสียงบันทึกเพื่อให้คำแนะนำได้ทันที แนวทางของ SCGC แสดงให้เห็นถึงการนำ AI มาใช้ในวงกว้างทั่วทั้งองค์กร

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (OCS) ได้พัฒนาโครงการ AI "TH2OECD" เพื่อสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย และเพื่อปรับปรุงการจัดการเอกสารทางกฎหมายให้สามารถสืบค้นและอ้างอิงได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

Microsoft เผย คนไทย 88% รู้สึก \"ไม่มีเวลามากพอสำหรับงาน\"

ดร.ณรัณ โพธิ์พัฒนชัย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า AI ช่วยเอาชนะความท้าทายด้านข้อมูล รวมถึงภาษาทางกฎหมายที่ซับซ้อน และการเปรียบเทียบกฎหมายไทยและอังกฤษเพื่อให้เกิดความถูกต้อง

AI ช่วยอำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์ความสอดคล้องกันระหว่างกฎหมาย/นโยบายของไทยกับมาตรฐานของ OECD และช่วยให้นักกฎหมายทำงานได้เร็วขึ้นในการค้นคว้าทางกฎหมาย สรุปข้อมูล และพัฒนานโยบาย

สคก. เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลจากการแก้ปัญหาของภาครัฐและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานภายใน

พวกเขาเป็นผู้ใช้งาน Microsoft Teams ในยุคแรกๆ แม้กระทั่งเสนอให้ใช้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

สคก. ใช้ Copilot เป็นผู้ช่วย AI สำหรับสรุปการประชุม ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการประชุมแบบไฮบริดในการระบุตัวผู้พูด

นอกจากนี้ พวกเขายังได้เปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายที่ซับซ้อนให้อยู่ในรูปแบบที่มีโครงสร้างไว้ล่วงหน้าก่อนที่ AI จะแพร่หลาย ทำให้สามารถนำ AI มาใช้ได้เร็วขึ้น

และยังได้เลือกใช้ระบบ AI โดยให้มนุษย์เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงมีความเป็นเจ้าของ และหลีกเลี่ยงการแทนที่บุคลากรที่มีคุณภาพ

โดยเชื่อว่า AI ช่วยเสริมบทบาทมากกว่าที่จะมาทดแทน บุคลากรของพวกเขามีช่วงอายุที่หลากหลายตั้งแต่ 25 ถึง 102 ปี แต่สมาชิกที่สูงวัยก็พร้อมที่จะใช้เครื่องมือ AI "เมื่อเห็นว่ามันช่วยแก้ปัญหาได้โดยตรง"

ที่มา : Microsoft

related