ถอดรหัสแนวคิด เด็ก 15 เล่นหุ้น 'เงินออมหลักพัน สู่พอร์ตหลักแสน'

ท่ามกลางกระแสความสนใจในเทคโนโลยีและการเงิน หนึ่งในเรื่องที่น่าจับตาคือ "น้อง Copter Pannuan" เด็กนักเรียนอายุ 15 ปี ที่สนใจศึกษาและลงทุนในหุ้น จนปัจจุบันมีสินทรัพย์ในบัญชี Dime! รวม 'หลักแสนบาท'

เรื่องราวของเขาไม่ใช่เพียงความสำเร็จ แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิดที่น่าสนใจของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงข้อมูลและความรู้ได้ง่ายขึ้น รวมถึง "มีความกล้าที่จะเริ่มต้นก่อนใคร"

จุดประกายจาก "ปู่บัฟเฟตต์" และคนใกล้ตัว

Copter เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสนใจการลงทุนว่ามาจากวัยเด็กที่คุ้นชินกับการทำงานช่วยคุณพ่อคุณแม่ขายของออนไลน์มาตั้งแต่ ป.6 รายได้ที่ได้มาถูกนำไปฝากคุณพ่อเก็บไว้เรื่อยๆ

จนกระทั่งช่วง ม.3 เทอม 2 ความคิดเรื่องการลงทุนก็ถูกจุดประกายขึ้น เมื่อเขาได้รู้จักกับนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ซึ่งเริ่มซื้อหุ้นตั้งแต่อายุเพียง '11 ปี'

ความสำเร็จและวิสัยทัศน์ของ Warren Buffett ในการลงทุนระยะยาวในธุรกิจต่างๆ เช่น Apple และ Coca-Cola กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ ตัดสินใจขอคุณแม่เพื่อเปิดพอร์ตลงทุน

นอกจากแรงบันดาลใจจากบุคคลต้นแบบแล้ว แรงผลักดันที่สำคัญอีกประการหนึ่งมาจากคำแนะนำของรุ่นพี่วัยทำงานที่เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำงานช่วยคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เด็ก

รุ่นพี่คนนี้ ได้แนะนำแอปพลิเคชัน Dime! ซึ่งมีฟังก์ชัน Dime Save ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 3% ต่อปี ซึ่งในตอนนั้นน้อง Copter มองว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากสำหรับเงินฝาก

การเริ่มต้นจาก Dime Save เป็นประตูบานแรก และเมื่อได้สัมผัสแล้ว ความรู้สึก "ไม่เร้าใจ" จากการฝากเงินเฉยๆ ก็กระตุ้นให้เขามองหาการลงทุนที่มีความ "หวือหวา" มากขึ้น

จึงเริ่มศึกษาเพิ่มเติมจากช่อง YouTube ด้านการลงทุน เช่น “Paul Pattarapon พอล ภัทรพล”, “THE MONEY GAME by Tanin Kunkamedee” และ “คุณ CK Fastwork” 

วินัยการออมที่ไม่กล้าใช้ และความเข้าใจใน "เวลา"

เมื่อถามถึงแนวคิดในการออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย น้อง Copter เผยว่าในช่วงปิดเทอม เขาไม่อยากทำตัวว่าง คุณพ่อคุณแม่จึงชวนให้ช่วยขายของออนไลน์ ซึ่งเป็น 'จุดเริ่มต้นของการมีรายได้'

และด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย 'ชอบซื้อของที่จำเป็นและเน้นของกินเป็นหลัก' ทำให้เขามีวินัยในการเก็บเงินโดยธรรมชาติ

ยกตัวอย่างแนวคิดของคุณ CK ที่มองมูลค่าของสิ่งของเป็น "ชั่วโมงการทำงาน" ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในคุณค่าของเงินและการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ

น้อง Copter เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินก้อนแรกเพียง "3,500 บาท" และหุ้นตัวแรกที่ซื้อคือ IVV (S&P500) ในช่วงแรกยอมรับว่ายังไม่ค่อยเข้าใจสินทรัพย์มากนัก จึงเน้นการ "ตามคนอื่น" และลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง (หุ้นซิ่ง) ซึ่งก็มีทั้งกำไรและขาดทุน

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วง ม.3 เทอม 2 (ก่อนขึ้น ม.4) ที่เขาเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนอย่างจริงจัง

ในฐานะนักลงทุนรุ่นเยาว์ ยอมรับว่าข้อจำกัดที่สำคัญคือ "ประสบการณ์" ที่ยังน้อยเมื่อเทียบกับนักลงทุนวัยทำงาน นอกจากนี้ เขายังประสบกับความผันผวนของตลาดหุ้น

เช่น ช่วงที่ Donald Trump ปรับภาษี ทำให้พอร์ตของเขาร่วงลงไปเกือบ 14% แม้จะเห็นพอร์ต "แดงเถือก" แต่เขาก็ไม่ได้ขายหุ้นทิ้ง เพราะเข้าใจในธรรมชาติของหุ้นที่ว่า "ผลตอบแทนที่สูงจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงหุ้นจะโตในระยะยาว"

อีกหนึ่งความท้าทายคือเรื่อง "รายได้" ที่เป็นเพียงค่าขนมเดือนละ 3,000 บาท และสามารถแบ่งมาลงทุนแบบ DCA  ได้เพียง 800 บาท ทำให้ต้องใช้ "วินัย" และ "เวลา" ค่อนข้างมากในการสะสมเงินให้ถึงหลักแสนบาท

แต่สิ่งที่น้อง Copter มองว่าเป็นข้อได้เปรียบที่นักลงทุนวัยทำงานหลายคนอยากได้คือ "เวลา" นั่นเอง

น้อง Copter ฝากข้อคิดและคำแนะนำสำหรับเพื่อนๆ วัยเดียวกันที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ศึกษาให้เข้าใจในระดับหนึ่ง" ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกเหมือนนักลงทุนมืออาชีพ

หากต้องการเปิดพอร์ตหุ้น ต้องขออนุญาตผู้ปกครองและอธิบายให้ท่านเข้าใจถึงเหตุผลและความตั้งใจในการลงทุน ที่สำคัญคือ "ต้องใช้เงินตัวเองในการลงทุน" เพราะ "ประสบการณ์จะสอนคุณเอง"

เมื่อหุ้นตก ต้องยอมรับให้ได้และหาวิธีรับมือ ส่วนตัวน้อง Copter ไม่ได้ถนัดการเทรดสั้นหรือเทรด Forex แต่ชอบการถือหุ้นระยะยาว และทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำที่หนักแน่นว่า

"ถ้าคุณอยากจะลงทุน คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของสินทรัพย์ที่จะลงทุน คุณต้องใช้เงินตัวเองในการลงทุน และพยายามศึกษาให้ได้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ครับ"