SHORT CUT
Google Gemini ผงาดขึ้นแท่นแอปฯฟรีอันดับ 1 บน iPhone ในสหรัฐฯ แซงหน้า ChatGPT ได้สำเร็จ ปัจจัยสำคัญคือโมเดล AI สร้างภาพใหม่ ‘Nano Banana’ ที่กำลังมาแรง
Gemini ของ Google ได้ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 แอปฟรียอดนิยมบน App Store สำหรับ iPhone ในสหรัฐอเมริกา โค่นแชมป์เก่าอย่าง ChatGPT ของ OpenAI ลงไปอยู่อันดับที่ 2 ได้สำเร็จ นับเป็นหมุดหมายสำคัญในการแข่งขันที่ดุเดือดของวงการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Gemini มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากโมเดล AI สำหรับสร้างและแก้ไขรูปภาพรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ ‘2.5 Flash Image’ หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า ‘Nano Banana’ ซึ่งสร้างกระแสความสนใจอย่างล้นหลามในหมู่ผู้ใช้งาน
Josh Woodward รองประธานฝ่าย Gemini และ Google Labs เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากการเปิดตัว Nano Banana มียอดการสร้างภาพด้วย AI ทะลุ 200 ล้านภาพ
และมีผู้ใช้งานใหม่สมัครเข้าใช้แอป Gemini มากกว่า 10 ล้านราย ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จและเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้ Gemini ไต่ขึ้นสู่อันดับสูงสุดบนชาร์ตได้ในที่สุด
สิ่งที่ทำให้ Nano Banana แตกต่างและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว คือความสามารถในการแก้ไขภาพด้วยการใช้คำสั่งภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ที่ทั้งทรงพลังและใช้งานง่าย โดยมีฟีเจอร์เด่นดังนี้
คงเอกลักษณ์ของบุคคลหรือสัตว์เลี้ยง : ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพถ่ายและสั่งให้ AI นำบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงในภาพไปอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น เปลี่ยนชุด, เปลี่ยนอาชีพ, หรือแม้กระทั่งอยู่ในยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ โดยที่ยังคงรูปลักษณ์หน้าตาเดิมไว้ได้อย่างแม่นยำ
ผสานสองภาพเป็นหนึ่งเดียว : สามารถนำองค์ประกอบจากภาพถ่ายสองใบมารวมกันได้อย่างแนบเนียน เช่น นำภาพคนและภาพสุนัขมาสร้างเป็นภาพใหม่ที่ดูเหมือนกำลังกอดกันอยู่
แก้ไขและเพิ่มเติมองค์ประกอบ : ผู้ใช้สามารถสั่งการเพื่อเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆ ลงในภาพได้อย่างอิสระ เช่น เพิ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้า หรือเพิ่มรถยนต์บนถนน โดยไม่กระทบต่อส่วนอื่นๆ ของภาพ
แม้ว่าอันดับบน App Store จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่การขึ้นสู่อันดับ 1 ของ Gemini ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ AI แบบสแตนด์อโลนของ Google กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในวงกว้าง และพิสูจน์แล้วว่าสามารถแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง ChatGPT ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
หากกระแสความนิยมนี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งผู้นำของ ChatGPT ในระยะยาว และทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงผู้ใช้งานในตลาด AI ทวีความดุเดือดยิ่งขึ้น
ที่มา : ZDNet