เครดิตซูเอท บริษัทที่ปรึกษาและให้บริการทางการเงินชื่อดัง ออกรายงาน โกบอล เวลท์ รีพอร์ต 2018 พบว่าประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดจาก 40 ประเทศทั่วโลก คนรวยที่สุดสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ถือครองทรัพย์สินในประเทศเกินครึ่ง มากถึงร้อยละ 66.9 ติดตามจากรายงาน
รายงานของเครดิตซูเอท ชี้ให้เห็นว่า คนรวยในประเทศไทยที่มีสัดส่วนร้อยละ 1 ถือครองทรัพย์สินในประเทศเกินครึ่งถึง ร้อยละ 66.9 ส่วนคนรวยที่สุดร้อยละ 5 ถือครองทรัพย์สินร้อยละ 77.9 และคนรวยในสัดส่วนร้อยละ 10 ของประเทศถือครองทรัพย์สินมากที่สุด ร้อยละ 85.7 หมายความว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศร้อยละ 90 ต้องแบ่งการถือครองทรัพย์สินในประเทศที่มีไม่ถึงร้อยละ 15 ทั้งสามตัวเลขที่แสดงนี้ทำให้ไทยขึ้นแท่นอันดับ 1 จาก 40 ประเทศ มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดโลก
นายบรรยงค์ พงษ์พาณิชย์ อดีตซุเปอร์บอร์ดที่ คสช. ตั้งขึ้น โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าถึงรายละเอียดบอกว่า เมื่อสองปีที่แล้วไทยอยู่ในอันดับที่สาม แต่มาปีนี้ครองแชมป์โลกไปซะแล้ว ชนะ รัสเซียและอินเดีย แบบขาดลอย และยังบอกอีกว่า ที่ไทยตีปี๊ปว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว กำลังเข้าสู่ยุคโชติช่วงใหม่ เห็นตัวเลขนี้ก็คงพอเข้าใจได้ว่าทำไมรากหญ้ายังบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี
สอดคล้องกับนิด้าโพล เผยผลสำรวจ “ประชาชนคิดอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย ในปี 2561 เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.92 บอกว่าเศรษฐกิจแย่ลง แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะออกนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งขุนพลใหญ่ด้านเศรษฐกิจระบุว่า นี่คือปัญหาของทั้งโลก
การแก้ปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อ๊อกแฟมก็เพิ่งจะออกรายงานว่า สิงค์โปร์ประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของโลก กลับล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เทียบเท่าลาว ขณะที่นายบรรยงค์ระบุ นโยบายที่ทำกันมาหลายสิบปีก็พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ได้ผล ถ้าดันทุรังทำแบบเดิม แผนยุทธศาสตร์ชาติ ก็จะกลายเป็นแผนฉุดกระชาก
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์หลายคน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำเสนอถึงต้นตอและแนวทางการแก้ไขโดยนายอารยะ ปรีชาเมตตา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำและนโยบายสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยกตัวอย่างจราจลที่ฝรั่งเศส ว่ามีการผูกขาดในตลาดแรงงาน เศรษฐกิจไม่ได้ขยายตัวมากเหมือนอดีต คนมีความรู้ความสามารถหางานทำไม่ได้ นี่คือโจทย์ความเหลื่อมล้ำ และนำสู่ความขัดแย้ง “ไทยพยายามหลุดประเทศติดกับดักรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูง มีแผนไทยแลนด์ 4.0 แล้วได้วางแผนรับมือโครงสร้างความเหลื่อมล้ำหรือไม่”
ขณะที่อาจารย์นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าถึงสาเหตุ ว่ามาจากอำนาจทางการเมือง อำนาจทางเศรษฐกิจ โครงสร้างทางเศรษฐกิจไทย 30 ปีที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนไปเลย มีการผูกขาดในระบบเศรษฐกิจ ผูกขาดแบบพึ่งพารัฐ “โครงสร้างเศรษฐกิจไทยไม่ได้ผูกขาดโดยนวัตกรรม แต่เป็นการผูกขาดโดยกฎ ระเบียบ วิธีการ อิงกับกฎ กติกาภาครัฐ” แต่หวังว่ากฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ จะแก้ไขปัญหาการผูกขาดให้น้อยลงได้ ที่สำคัญ ยังฝากถึงพรรคการเมืองกับการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ควรใส่ใจเรื่องกระจายอำนาจเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศด้วย ทีมข่าวเศรษฐกิจ สปริงนิวส์ รายงาน