"นุ๊ก สุทธิดา" ยิ้มออก ไกล่เกลี่ย "ผู้เช่าบ้าน" ลงตัว

จากก่อนหน้านี้ที่นักแสดงชื่อดัง นุ๊ก สุทธิดา เจอผู้เช่าบ้านทำบ้านเละ ดัดแปลงเป็นโรงงานเถื่อน มีสภาพเละทั้งหลัง ตำรวจได้เข้ามาตรวจบ้านก่อน พบว่ามีการเสพสารเสพติดภายในบ้าน จึงได้นำไปสู่การจับกุมและสอบปากคำเพิ่มเติม จนทราบว่าผู้เช่ายังมีการกระทำผิดกฏหมายอื่นๆ ด้วย ส่วนทางด้าน นุ๊ก พอทราบเรื่อง เธอก็ได้ตัดสินใจแจ้งความ พร้อมทั้งยกเลิกสัญญาเช่าทั้งหมด แถมยังโดนค่าซ่อมบ้านหรูทั้งหลังเกือบ 5 ล้านบาท

โดยล่าสุดสาว นุ๊ก และ มารดาของผู้เช่าบ้าน ได้ขึ้นโรงพักเจรจา ไกล่เกลี่ย ซึ่งทั้งคู่ได้เผยความคืบหน้า ระบุว่า

นุ๊ก :  วันนี้มาเจรจาในฐานะ การเช่าบ้านและทำบ้านให้เสียหาย ซึ่งการเจรจาเป็นไปได้ด้วยดีนะคะ ทางคุณจิวในฐานะของผู้เช่า ต้องเรียนตรงนี้ว่าคุณจิวไม่ใช่คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น แต่เขาก็ยอมรับในส่วนของเรื่องการทำบ้านเสียหาย หลังจากนี้ก็จะต้องนัดกัน หาช่างทั้งสองฝ่ายช่วยกันตีราคา พอทราบราคาก็หาช่างมาทำตรงนี้

ทางคุณจิวจะรับผิดชอบทั้งหมดเลยไหม 

จิว : ก็รับผิดชอบค่ะ ทั้งหมด รับผิดชอบตามที่คุณนุ๊กบอกเลย ได้ตกลงเรียบร้อยแล้ว

นุ๊ก : ตอนนี้ก็หาช่าง เพื่อจะหาราคาตรงกลาง เราอาจจะไม่เท่ากัน อาจจะหาช่างตรงกลาง ช่างคนไหนที่รับราคาตรงนี้ได้ ก็เป็นผู้ทำงานตรงนี้ไป ตอนนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ทางคุณจิวก็แสดงความจริงใจ ด้วยการที่เข้ามาคุยกับเรา เราก็รู้สึกว่าอย่างน้อยน่าจะให้โอกาส เพราะเขาก็แสดงความจริงใจที่มาหาเรา

จิว : เราติดต่อมาเองว่าจะขอรับผิดชอบ ติดต่อคุณนุ๊กตลอด

ก่อนหน้านี้เราได้ทราบไหมว่า บ้านมีการเคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยน

จิว : ไม่ทราบค่ะ เพราะส่วนใหญ่เวลาเข้าไปหาลูก จะเข้าไปข้างหน้า ไม่เคยขึ้นข้างบน ไม่เคยเข้าไปข้างใน เข้าไปก็ไม่เห็นใคร พอเห็นข่าวก็ตกใจสภาพบ้าน

เราทราบมาก่อนไหมว่าลูกชายทำโรงงานผลิตถุงมือยาง

จิว : ปกติเขาไม่ได้เปิดผลิต เราไม่ได้ทราบ เป็นแค่ซื้อมาขายไปในเฟสบุ๊ค

มีคนมาขนของในบ้าน เป็นลูกน้องของลูกชายไหม

จิว : ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ลูกน้องของน้องเพชรค่ะ ตอนนี้เราทราบตัวแล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้ กลัวเขาจะหนีไป ถามว่าเขาเป็นคนที่เคยอยู่ในบ้านไหม เมื่อก่อนเขาเคยเป็นช่างมาซ่อมรีโมทที่บ้าน เคยเป็นลูกน้องเก่าของเพชร แต่ตอนนี้เขาย้ายค่าย ย้ายไปอยู่ค่ายอื่น ย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ ปัญหาภายในอันนี้ไม่ทราบ แต่ทราบว่ามีคนคิดแกล้งน้องค่ะ

ของเราเสียหายไหม

จิว : มันก็ต้องเสียหายอยู่แล้วค่ะ ทางด้านคุณนุ๊กเห็นหน้าคนที่เอาไปนะคะ คนที่จะเป็นพยายานบุคคลได้ดีก็คือคุณนุ๊กค่ะ

เราได้คุยกับลูกไหม ทำไมทำบ้านเขาเป็นแบบนั้น

จิว : ก็คุยกับเขาบ้าง ถามเขาทำไหมทำแบบนี้ เขาบอกฝึกย้อม แต่ว่าไม่ได้ทำออกขาย ไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไร เพราะไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของเขาเลย ส่วนเรื่องเสพยาไม่ทราบ แต่พอจะทราบว่าเด็กบางคนเสพกันเอง แต่เราไม่ได้เห็นกับตาว่าเขาเสพ

ยืนยันว่าลูกชายเราไม่ได้เกี่ยวข้อง ทั้งถุงมือยาง ยาเสพติด

จิว : อันนี้ไม่รู้ แต่คือรู้มาว่ามีเด็กในบ้าน พวกแม่บ้านโทรบอกว่าน้องที่เขาไปทำงาน เราก็เลยโทรไปด่าเด็กในบ้าน ซึ่งไม่มีใครบังคับเสพยาแน่นอนอย่างที่เป็นข่าว

ทางด้านนุ๊ก จะป้องกันบ้านยังไง

นุ๊ก : จริงๆ ยังคิดอยู่ 2 อย่าง ถ้ากลับไปอยู่ข้อดีมันก็มี เพราะช่วงที่อยู่ก็เจริญ แต่มันก็ใหญ่เกินไป อาจจะเป็นการให้เช่าอย่างเดิม ก็ต้องรอปรับปรุงบ้าง แล้วค่อยคิดอีกทีว่าเราจะอยู่เอง หรือจะเช่าแบบเดิม แต่จริงๆ แล้วมีผู้เช่ารายดีๆ เยอะ ยังมีไม่ใช่ทำบ้านพังแบบเดิม ตอนนี้ยังได้กุญแจไม่ครบ ทางคุณจิว บอกว่าน้องทำหายไปแล้ว

ตรงไหนที่เสียหายบ้าง

นุ๊ก : จริงๆ เราก็อยากรีบซ่อม ทางคุณจิวด้วย เพราะเราเสียโอกาสในการสร้างรายได้ ตอนนี้ต้องรอทางคุณจิ๋ว จะนัดช่างได้เมื่อไหร่ ไม่ได้เรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม เพราะเราเข้าใจ เราก็ไม่ทราบว่าคุณจิวรู้เห็นมากน้อยแค่ไหน ในการกระทำของลูก แต่ฝั่งที่เราได้รับทราบ บางทีเราเป็นแม่คน เราตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวลูกอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามจะเข้าใจ สำหรับค่าเสียหายที่เพิ่มเติมตรงนี้ เกี่ยวกับการทำบ้าน เราไม่ได้เรียกร้องอะไรกับคุณจิว เราไม่ได้อยากได้กำไร แค่กลับไปอยู่สภาพเดิม

วันนี้สบายใจมากขึ้นไหม

นุ๊ก : เรียกว่าเป็นมิติหนึ่งที่เราได้คุยกันระดับหนึ่ง เราก็ต้องรอต่อไป ช่างจะเข้ามาเมื่อไหร่ ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะนุ๊กมีอีกหลายส่วนที่ต้องทำ ทำงานเยอะมาก ตอนนี้กองปราบก็เรียกมา ก็ต้องเข้าไปให้ปากคำ ก็เป็นอีกหนึ่งคดี ยังมีในส่วนของการลักทรัพย์ เราต้องไปชี้ตัว เพราะเราเป็นคนเห็น ซึ่งคนลักทรัพย์ก็ต้องไปสืบอีกทีว่าใครสั่งมา

เราไม่ได้ดำเนินคดี ในส่วนของบ้านเสียหาย

นุ๊ก : เราลงบันทึกประจำวันมันเป็นแพ่งนะคะ แต่ดำเนินคดีมันก็แพ่ง แต่สมมุติว่าเรื่องนี้คุยกับคุณจิว ถ้ายังไม่จบ เราก็ต้องไปจบที่ศาล เพราะในฝั่งของเรากับคุณจิวสิ้นสุดแล้ว วันนี้เรามาลงบันทึกประจำวันเพื่อไกล่เกลี่ยกัน