ทรัมป์ จัดงานปราศรัยครั้งใหญ่ที่เมืองทัลซา แคมเปญหาเสียงครั้งแรกในรอบหลายเดือน คนจำนวนมากไม่ใส่หน้ากาก แต่คนมาร่วมงานน้อยมากกว่าที่ทีมงานคาดหวังมาก
งานปราศรัยหาเสียงครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือนของ ทรัมป์ มีคนมาร่วมงานน้อยกว่าที่คาดกันเอาไว้ สื่อรายงานว่าคนจำนวนมากไม่ใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตัวเอง ทั้งๆ ที่โควิด 19 กำลังระบาด ขณะที่ผู้ใช้ TikTok อ้างว่าคนมาน้อย เพราะมีแคมเปญบน TikTok ชวนกันให้ไปจองตั๋วแต่ไม่ต้องไปร่วมงาน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า แม้คนจำนวนมากที่มาร่วมงานจะไม่ใส่หน้ากาก แต่ฝูงชนก็ไม่หนาตาเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทีมหาเสียงให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีคนจองที่ร่วมงานถึงเกือบ 1 ล้านคน อัฒจันทร์กลางแจ้งที่สร้างไว้เผื่อคนล้นอาคารจัดงานก็ถูกรื้อถอน
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนงานเริ่ม ทีมผู้จัดรายงานว่าเพิ่งตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ทีมหาเสียงมีเชื้อโควิด 19 ถึง 6 คน ซึ่ง 2 คนในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทรัมป์ ทางทีมจัดงานยืนยันว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้รวมทั้งคนใกล้ชิด ไม่ได้มาร่วมงานหาเสียงที่ทัลซา
หน่วยงานสาธารณสุขได้ออกมาเตือนเรื่องการจัดงาน แต่ทีมงานหาเสียงยืนยันไม่ยกเลิก และไม่ลดขนาดงาน ซึ่งสถานที่จัดสามารถรองรับได้ 19,000 ที่นั่ง ถ้าคนมาร่วมงานจนเต็มขีดจำกัด จะกลายเป็นการรวมตัวกันครั้งที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่โควิด 19 ระบาด
ด้านหน้าอาคารจัดงาน สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าเต็มไปด้วยบรรยากาศวุ่นวายและตึงเครียด เพราะคนที่มาชุมนุมสนับสนุนทรัมป์และกลุ่มที่มาชุมนุมต่อต้านเหยียดผิว ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยืนรักษาพื้นที่ตรงกลางเป็นกันชนระหว่าง 2 ฝ่าย
สำนักข่าว MSNBC เผยแพร่ภาพผู้ชุมนุมต้านเหยียดผิวที่ถือตั๋วเข้างานของทรัมป์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้ออกจากถนนหน้าที่ชุมนุม ขณะที่ผู้หญิงอีกคนใส่เสื้อยืดเขียนว่า “ฉันหายใจไม่ออก” ซึ่งเป็นคำที่ จอร์จ ฟลอยด์ พูดตอนที่ถูกตำรวจจับกุมและใช้เข่ากดคอ นอกจากนี้ยังมีคนทีใส่เสื้อยืดพิมพ์ตัวเลข “8:46” ซึ่งเป็นจำนวนนาทีที่ฟลอยด์ถูกกดคอด้วยเข่า
โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ผู้ประท้วงหัวรุนแรง” ประกอบการโจมตีจากสื่อที่ไม่หยุดหย่อน พยายามทำให้คนที่สนับสนุนทรัมป์หวาดกลัว แต่ทางทีมภูมิใจกับคนจำนวนหลายพันที่มาร่วมงาน
ผู้ใช้ TikTok จำนวนหนึ่งอ้างว่า ที่คนไปร่วมงานปราศรัยน้อยกว่าที่คาด เพราะมีแคมเปญบนโลกโซเชียลริเริ่มจาก TikTok ให้ไปช่วยกันขอตั๋วเข้างานแต่ไม่ต้องไปร่วมงาน
ทางฝ่ายทีมจัดงานระบุว่า คนมาร่วมงานน้อยเพราะบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตร เนื่องจากมีคนชุมนุมประท้วง และขวางทางผู้สนับสนุนทรัมป์หน้าสถานที่จัดงาน
อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ คอร์เทซ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมืองนิวยอร์ก พรรคเดโมแครต โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า แคมเปญของทรัมป์ถูกวัยรุ่นบน TikTok “เขย่า” ที่ไปจองตั๋วเข้างานอย่างท่วมท้น จนทำให้ทีมเชื่อว่าจะมีคนมาร่วมงานถึงล้านคนในช่วงที่โควิด 19 ระบาด
Actually you just got ROCKED by teens on TikTok who flooded the Trump campaign w/ fake ticket reservations & tricked you into believing a million people wanted your white supremacist open mic enough to pack an arena during COVID
Shout out to Zoomers. Y’all make me so proud. ☺️ https://t.co/jGrp5bSZ9T
— Alexandria Ocasio-Cortez (@AOC) June 21, 2020
อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ชัดว่ามีตั๋วที่เป็นการแกล้งจองมากมายขนาดไหน แต่ก็มีวิดีโอคลิปบน TikTok ที่เชิญชวนให้คนไปลงทะเบียนแกล้งจองตั๋วตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าที่งานจะมีที่นั่งว่างมากมาย และโพสต์นี้ก็มีคนกด “ชอบ” ถึงกว่า 7 แสนครั้ง
@maryjolauppDid you know you can make sure there are empty seats at Trump’s rally? ##BLM.♬ original sound - maryjolaupp
ทรัมป์เริ่มการปราศรัยด้วยการต่อว่าผู้ชุมนุมต่อต้านด้านหน้างาน และได้พูดถึงการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสในสหรัฐฯว่า เขาอยากให้ตรวจหาให้ช้าลง เพราะยิ่งตรวจเร็วขึ้น ก็ยิ่งพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น การตรวจเป็น “ดาบสองคม”
วันงานปราศรัย ทรัมป์ได้โพสต์รูปภาพจากงานผ่านบัญชีส่วนตัว @realDonaldTrump แสดงให้เห็นคนที่มาสนับสนุนเขามากมาย
THE SILENT MAJORITY IS STRONGER THAN EVER BEFORE! #MAGA pic.twitter.com/AoIcroQUQd
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 21, 2020
ขณะที่นักวิเคราะห์ข่าวของสถานีโทรทัศน์ MSNBC ซึ่งเป็นฝั่งซ้ายจัด ได้โพสต์ภาพทรัมป์บนทวิตเตอร์ ระบุว่าเป็นภาพตอนที่ทรัมป์เพิ่งกลับจากงานหาเสียงที่ทัลซา และดูท่าเหมือน “คนพ่ายแพ้”
This picture of #Trump at Andrews after the #Tulsa disaster is unlike any we’ve ever seen. Ever the dime-store dramaturg, he’s undone his tie and put on the look of a defeated man. He thinks he’s crafting a new script as a Comeback Kid. He doesn’t realize that he really HAS lost. pic.twitter.com/GO4y3D7QIZ
— howardfineman (@howardfineman) June 21, 2020