วัณโรคเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทยและของโลก เนื่องจากผู้ติดเชื้อวัณโรคมีโอกาสเสียชีวิตสูง และนับเป็นโรคติดเชื้ออันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากถึงประมาณ 10-20% หากได้รับการรักษาไม่ทันเวลา
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่าในทุกปี มีผู้ป่วยวัณโรคมากกว่า 10 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 1.5 ล้านคน เมื่อมองกลับมายังประเทศไทย พบว่าองค์การอนามัยโลกได้จัดให้ติดอันดับใน 30 ประเทศที่มีภาระวัณโรคสูง (High Burden Countries)กองวัณโรค กรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้ป่วยวัณโรคกว่า 100,000 คน แต่มีการตรวจพบผู้ป่วยวัณโรคเพียงแค่ประมาณ 70,000 คน และยังมีผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการตรวจพบหรือยังไม่แสดงอาการอีก 30,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งหากไม่ได้รับรักษาก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง และอาจแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
นายแพทย์ไกรสร โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการกองวัณโรค เผยว่า มาตรการหลักในการจัดการวัณโรคในไทยคือ การเร่งตรวจหาผู้ป่วยวัณโรคเพื่อเข้าสู่การรักษาโดยเร็ว ตามวิธีการรักษาที่องค์การอนามัยโลก (WHO) รับรอง อีกทั้งยังต้องรีบค้นหาว่ามีคนใกล้ตัวผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อหรือไม่ เพื่อจะได้รีบนำมาตรวจรักษาให้ทันท่วงที
การป้องกันโรคจากวัณโรคสามารถป้องกันได้ด้วยการใส่หน้ากากป้องกันหากต้องอยู่พื้นที่แออัดหรือเขตชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสหรือร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค แนะนำให้รีบมาตรวจคัดกรองวัณโรค กองวัณโรคได้ดำเนินการตรวจคัดกรองวัณโรคเชิงรุก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนอยู่อาศัยรวมกันอย่างหนาแน่น อย่างในแหล่งชุมชนหรือเรือนจำ ซึ่งหลายครั้งที่ประสบปัญหารถเอกซเรย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะพื้นที่ชุมชนขนาดเล็ก หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายที่ทำให้ไม่สามารถขึ้นมาตรวจคัดกรองบนรถเอกซเรย์ได้
แพทย์หญิงผลิน กมลวัทน์ และ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรคและที่ปรึกษากองวัณโรค กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ การดำเนินการตรวจคัดกรองจะต้องนำผลจากรถเอกซเรย์กลับมาอ่านฟิล์มที่โรงพยาบาล ขั้นตอนกว่าจะตรวจเสมหะและตรวจพบผู้ป่วยวัณโรคก็ช้าเกินไปแล้ว แต่ด้วยเงินสนับสนุนจากกองทุนโลก (Global Fund) กองวัณโรคจึงได้นำนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ในการตรวจคัดกรองวัณโรคเชิงรุก ด้วยกล้องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบพกพา FDR Xair จากฟูจิฟิล์ม ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้ทีมแพทย์สามารถพกไปออกตรวจในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่ห่างไกลได้อย่างสะดวกมาพร้อมกับระบบประมวลผลภาพ AI ที่ช่วยให้อ่านผลได้ทันที ทำให้สามารถส่งตัวผู้ที่คาดว่าจะติดเชื้อวัณโรคไปเก็บเสมหะได้ทันที เป็นการตัดวงจรการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่เข้าไม่ถึงสถานพยาบาล
ด้าน มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในเดือนมกราคม 2024 ฟูจิฟิล์มได้ฉลองครบรอบ 90 ปี และเราได้ประกาศจุดมุ่งหมายใหม่ Giving our world more smiles (แต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา) เพราะเราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น อีกทั้ง ฟูจิฟิล์มยังทำงานร่วมกับโครงการ STOP TB Partnership ด้วยความมุ่งมั่นในการยุติวัณโรคและสนับสนุนการคัดกรองวัณโรคทั่วโลก ตามแนวทางของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ในการใช้ระบบเอกซเรย์ทรวงอกเพื่อตรวจคัดกรองวัณโรค และด้วยเครื่องเอกซเรย์แบบพกพา FDR Xair พร้อมระบบประมวลของ AI ของฟูจิฟิล์ม สามารถขยายการตรวจคัดกรองวัณโรคในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่สามารถช่วยเหลือประชาชนแต่ยังสนับสนุนและแบ่งเบาภาระการทำงานของทีมแพทย์อีกด้วย